การปรากฏขึ้นของ นายบรรยง พงษ์พานิช พร้อมกับ นายภูมิธรรม เวชยชัย การปรากฏขึ้นของ นายศุภวุฒิ สายเชื้อ พร้อมกับ นางวีร พร นิติประภา

ผ่านการเปิดตัวผ่านท่วงทำนองการ LAUNCH โดยกลุ่ม C-A-R-E คิด เคลื่อนไทย สำคัญอย่างยิ่ง

ไม่เพียงเพราะมีใบหน้าของ นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช พร้อมกับใบหน้าของ นพ.สุรพงษ์ สืบวงษ์ลี โดยมี นายพงษ์ศักดิ์ รักตพงษ์ไพศาล ยืนเรียงอยู่เคียงข้าง

หากแต่ยังมีใบหน้าของ นายดวงฤทธิ์ บุนนาค ใบหน้าของ น.ส.ลักขณา ปันวิชัย ใบหน้าของ นายพริษฐ์ รักตพงษ์ไพศาล โอบล้อมอยู่โดยรอบ

ยิ่งกว่านั้น ที่ไม่ควรมองข้ามอย่างเด็ดขาดคือใบหน้าของ น.ส.รัสรินทร์ ชินโชติธีรนันท์

นี่ย่อมเป็น”เลือดใหม่” อันจะ”ร้อนแรง”ในอนาคตอันใกล้

 

ถามว่ากระบวนการของ C-A-R-E คิด เคลื่อนไทย ดำเนินมาและดำเนินไปอย่างไร

ตอบได้เลยว่า ดำเนินไปในลักษณะ “3 ประสาน”

ห่วงโซ่ 1 เราสัมผัสได้จากภาพของ นายพงษ์ศักดิ์ รักตพงษ์ไพศาล ภาพของ นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช ภาพของ นายศุภวุฒิ สายเชื้อ

เหล่านี้ล้วนเดินผ่านหลัก 6 และเข้าใกล้หลัก 7

ห่วงโซ่ 1 เราสัมผัสได้จากภาพของ นางวีรพร นิติประภา ภาพของ น.ส.ลักขณา ปันวิชัย เหล่านี้ล้วนเดินผ่านหลัก 4 ทะยานไปยังหลัก 5

ห่วงโซ่ 1 เราสัมผัสได้จากภาพของ นายพริษฐ์ รักตพงษ์ไพ ศาล และ น.ส.รัสรินทร์ ชินโชติธีรนันท์

เหล่านี้ล้วนผ่านหลัก 2 และโลดลิ่วไปยังหลัก 3

นี่คือการประสานระหว่าง “รุ่นใหญ่” กับ “รุ่นกลาง”อันมากด้วยประสบการณ์ เข้ากับ”รุ่นใหม่”ที่มิได้ดำรงอยู่อย่างเลื่อนลอยไร้รากฐาน

ตรงกันเด่นชัดอย่างที่สุดผ่านการทำธุรกิจ ผ่านการวิจัยกระทั่งได้รับการยอมรับ

 

จากที่กลุ่ม C-A-R-E คิด เคลื่อนไทย เปิดตัวอย่างคึกคักจึงสร้างความมั่นใจ จุดประกายแห่งความหวัง

เหมือนที่พรรคไทยรักไทยเคยทำได้ในการเลือกตั้ง 2544

ขณะเดียวกัน ก็สะท้อนให้เห็นพัฒนาการจากบทเรียนและ ความจัดเจนของรัฐประหารไม่ว่าจะเมื่อเดือนกันยายน 2549 ไม่ว่าจะเมื่อเดือนพฤษภาคม 2557

จากการนำร่องโดย”คณะก้าวหน้า” ตามมาด้วย C-A-R-E คิดเคลื่อนไทย เป็นไปได้ว่าจะมี”กลุ่มอื่น”เกิดขึ้น

ดำเนินไปในแบบ”ปักธง”ในทาง”ความคิด”ใหม่ทางการเมือง