เผยแพร่ |
---|
การออกมาแสดงความแจ่มชัดต่อแนวคิดในการจัดตั้งพรรคการเมืองใหม่ของอดีตนักการเมืองในพรรคไทยรักไทยได้รับการขานรับจากสังคมในด้านดีมากกว่าด้านร้าย
ไม่ว่าจะเป็นเสียงขานรับต่อท่าทีของ นายจาตุรนต์ ฉายแสง
ไม่ว่าจะเป็นเสียงขานรับต่อท่าทีของ นายพงษ์ศักดิ์ รักตพงษ์ ไพศาล ประสานเข้ากับ นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี นายภูมิธรรม เวชยชัย
แม้ว่า ณ วันนี้ นายภูมิธรรม เวชยชัย จะอยู่ในฐานะเป็นที่ปรึกษา นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ ผู้นำฝ่ายค้าน
ผู้นำฝ่ายค้านซึ่งเป็นหัวหน้าพรรคเพื่อไทยอยู่ก็ตาม
การขานรับต่อแนวคิดในเรื่องการจัดตั้งพรรคการเมืองใหม่ของบุคคลเหล่านี้เป็นเรื่องน่าศึกษาอย่างยิ่งในทางความคิดและในทางการเมือง
สะท้อนและยืนยันว่าสังคมต้องการพรรคการเมืองใหม่ ต้องการเห็นการเปลี่ยนแปลง
อารมณ์ทางสังคมเช่นนี้บังเกิดขณะที่มีพรรคพลังประชารัฐ มีพรรคประชาธิปัตย์ มีพรรคภูมิใจไทย มีพรรคชาติไทยพัฒนา หรือแม้กระทั่งพรรคฝ่ายค้านอย่างพรรคเพื่อไทย
เท่ากับยืนยันว่าแม้จะมีพรรคการเมืองใหม่อย่างพรรคอนาคตใหม่ที่กลายมาเป็นพรรคก้าวไกลก็ยังไม่เพียงพอ
ยังมีความจำเป็นที่ นายพงษ์ศักดิ์ รักตพงษ์ไพศาล นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช นพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี นายภูมิธรรม เวชย ชัย จะต้องแสดงบทบาทผ่านพรรคการเมืองใหม่
ยังมีความจำเป็นที่ นายจาตุรนต์ ฉายแสง จักต้องฉายแสงผ่านพรรคการเมืองใหม่
ที่สำคัญมิใช่เพื่อร่วมส่วนกับพรรคพลังประชารัฐ พรรคประชาธิปัตย์ พรรคภูมิใจไทย พรรคชาติไทยพัฒนา หากแต่ยืนเรียงเคียงกันไปกับพรรคเพื่อไทย พรรคก้าวไกล
สะท้อนให้เห็นว่าสังคมเริ่มมีความเข้าใจต่อความเป็นจริงอันดำรงอยู่ในสังคมไทย
ความเป็นจริงนั้นไม่เพียงแต่เพราะเห็นตัวอย่างจากการยุบพรรคไทยรักไทย ยุบพรรคพลังประชาชน หากยังสัมผัสได้จากการยุบพรรคอนาคตใหม่
เด่นชัดว่านี่คือกระบวนการทำลายล้างกันในทางการเมืองอันเหี้ยมโหด
ขณะเดียวกัน สังคมก็รับรู้ในความจำเป็นที่จะต้องมีพรรคการเมืองใหม่เหมือนกับที่เคยมีพรรคไทยรักษาชาติ เหมือนกับที่เคยมีพรรคอนาคตใหม่
เพื่อสร้างความแตกต่างกับพรรคการเมือง”เก่า”