เผยแพร่ |
---|
การปรากฏขึ้นของไวรัส โคโรน่า ณ มหานครอู่ฮั่น อันกลายมาเป็นไวรัส โควิด-๑๙ ไปทั่วโลก ได้ส่งผลสะเทือนในลักษณะอันเป็นการดิสรัพท์อย่างรุนแรงล้ำลึก
ไม่เพียงแต่ทางด้านเศรษฐกิจ ไม่เพียแต่ทางด้านการเมือง หาก ที่สำคัญเป็นอย่างมากคือทางด้านวัฒนธรรม
วัฒนธรรมอันไม่เพียงสะท้อน”ความคิด” หากแต่เป็น”วิถีชีวิต”
หากยอมรับว่าการมาของพลังไอน้ำ พลังเครื่องจักร ก่อให้เกิดการปฏิวัติอุตสาหกรรมอย่างต่อเนื่อง จากยุคพลังน้ำกระทั่งมาถึงยุคไฟฟ้า
อย่างที่ชอบยกตัวอย่างการมาของคอมพิวเตอร์ การมาของสมาร์ทโฟนอันเป็นส่วนหนึ่งของเทคโนโลยี
การมาของ”ไวรัส” ก็รุนแรง ล้ำลึก ไม่แพ้กัน
มิใช่เพราะการแพร่ระบาดของ ไวรัส โควิด-๑๙ หรอกหรือที่ทำให้คนไม่อาจสัมผัสกันได้เหมือนที่เคยสัมผัส
ทำให้การทักทาย ปราศรัยที่เคยจับมือต้องเปลี่ยน
ทำให้การทักทาย ปราศรัยที่เคยโอบกอด จูบแก้มกันอย่างใกล้ชิด สนิทสนม ต้องเปลี่ยน
ที่เข้ามาแทนที่ คือ การยกมือไหว้ กำหนดระยะห่างพอสมควร
ที่เคยเฮฮาผ่านปาร์ตี้ก็ต้องลดทอนลง ผลก็คือความถี่ในการสังสรรค์แปรเปลี่ยน เพราะสถานบันเทิง หรือร้านอาหารซึ่งมีลักษณะชุมชนกลายเป็นแหล่งแพร่ไวรัส
สร้างความหวาดกลัว สร้างความเหินห่าง
ผลที่ตามมาก็คือ ความบันเทิงในวงกว้างแบบคอนเสิร์ต แบบมิวสิค เฟสติวัล กลายเป็นของต้องห้าม
นี่คือผลสะเทือนอันซึมลึกในทางวัฒนธรรมบันเทิง
แนวโน้มที่จะต้องตามมาจาก”วิถีชีวิต”อันแปรเปลี่ยนจากยุคก่อนไวรัสมายังยุค “โพสต์ไวรัส” จะนำไปสู่กระบวนการในทาง”ความคิด”ที่ก่อรูปอย่างเป็นระบบตามมา
หากยอมรับว่า “เทคโนโลยี” บางอย่างก่อสภาพดิสรัพท์อย่างรวดเร็วทันควัน
ก็ต้องยอมรับในการแพร่ระบาดเข้ามาของ “ไวรัส”
ใครที่เคยเพ้อฝันว่า แม้จะประสบเข้ากับการแพร่ระบาดของไวรัส สังคมไทยก็จะยังเหมือนเดิม ไม่มีอะไรแปรเปลี่ยน
ขอให้รอดูไปเถิด เพราะการเปลี่ยนแปลงปรากฏให้เห็นทุกวินาที