E-DUANG :​​​ ภาวะ พลิกผัน แปรเปลี่ยน จากเรือเหล็ก เป็น”เรือโจร”

พัฒนาการของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในสายตาของ นายวิษณุ เครืองาม ในห้วงหลังรัฐประหารเมื่อเดือนพฤษภาคม ๒๕๕๗ อาจเห็นว่าเป็น “เรือแป๊ะ”

เมื่ออุปมาอุปไมยในเชิงชี้แนะให้ นายบวรศักดิ์ อุวรรโณ เข้าใจเมื่อนั่งอยู่ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ

แต่เมื่อผ่านกระบวนการเลือกตั้งเมื่อเดือนมีนาคม และผ่านเสียง ขานชื่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรีเมื่อเดือนมิถุนา ยน ๒๕๖๒

ที่เคยมองว่าเป็น “เรือแป๊ะ” ในเบื้องต้นก็พัฒนาการกลายเป็น “เรือเหล็ก” อันแข็งแกร่งและมั่นคงด้วย ๒๔๙ เสียงจากส.ว.และด้วย

๒๕๑ เสียงจาก ส.ส.

แล้วเหตุไฉนอยู่ดีๆ “เรือเหล็ก”ก็พลันกลายเป็น “เรือโจร”

 

ความวิตกของ นายวิษณุ เครืองาม เมื่อแรกที่สรุปว่า “เรือแป๊ะ”ได้อยู่ในฐานะ “เรือเหล็ก”แล้วอย่างยอดเยี่ยม เป็นความวิตกว่าสิ่งที่บั่นทอน ความแข็งแกร่งของ “เรือเหล็ก” เป็น “สนิม”

เป็นสนิมอันโบราณสรุปเอาไว้อย่างรวบรัดว่า “สนิมเกิดแต่เนื้อ ในตน”

เพราะว่า “สนิม”เกิดขึ้นเมื่อใดนั่นคือหายนะของ “เรือเหล็ก”

เพียง ๗ เดือนคล้อยหลังญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจไม่นาน ในท่ามกลางสถานการณ์แพร่ระบาดของไวรัส โควิด-๑๙ และการขาดแคลนหน้ากากอนามัย

ภายในพรรคประชาธิปัตย์ก็ส่งเสียงเตือนด้วยความห่วงใยว่า บท บาทของพรรคประชาธิปัตย์จะเข้าลักษณะ “พายเรือให้โจรนั่ง” เพราะไปให้ความไว้วางใจรัฐมนตรีบางคนอย่างไม่สมควรให้

พลัน”เรือเหล็ก”ก็พลิกผันกลับกลายเป็น “เรือโจร”

 

ไม่มีใครให้คำตอบได้ว่าพายุอารมณ์อันปั่นป่วนอยู่ภายในพรรคประชาธิปัตย์จะมีบทสรุปอย่างไร

จะยังคงมีมติร่วมอยู่กับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ต่อหรือไม่

จะพยายามยื่นข้อเสนอต่อรองในกระบวนท่า “ตัดอวัยวะ”บางส่วนออกไปเพื่อ “รักษาชีวิต”หรือไม่

แน่นอน ชีวิตนั้นคือชีวิตของพรรคประชาธิปัตย์

นับแต่การตัดสินใจเมื่อเดือนมิถุนายน ๒๕๖๒ เป็นต้นมา นี่ย่อมเป็นการตัดสินใจที่สำคัญอีกครั้งหนึ่งของพรรคประชาธิปัตย์

นั่นก็คือ จะยังพายเรือต่อไปอีกหรือไม่แม้จะเป็น”เรือโจร”