เผยแพร่ |
---|
กรณีของ พล.ท.พงศธร รอดชมภู แห่งพรรคอนาคตใหม่ กำลังให้ “บทเรียน” อันทรงความหมายกับแนวคิดพื้นฐานในการก่อรูปพันธมิตรแห่ง แนวร่วมทางการเมือง
การที่ พล.ท.พงศธร รอดชมภู อยู่ในฐานะ”หัวหอก”แห่งการปฏิรูปกองทัพ แต่ยังพักอาศัยในบ้านของทางราชการอยู่
สร้างความหงุดหงิด สร้างความไม่พอใจให้เกิดขึ้นอย่างแน่นอน
เพราะไม่เพียงแต่เท่ากับแสดงว่าการรับคนของพรรคอนาคตใหม่ หละหลวม หากในอีกด้านยังเท่ากับแสดงว่า พล.ท.พงศธร รอดชมภู ไม่พูดความจริงกับพรรค
กลายเป็นเรื่องปากอย่าง ทำอย่าง กลายเป็นสภาพการณ์ในแบบว่าแต่เขาอิเหนาเป็นเอง
ท่าทีต่อพรรคอนาคตใหม่ ต่อ พล.ท.พงศธร รอดชมภู เป็นเช่นใด
พล.ท.พงศธร รอดชมภู พลาดอย่างแน่นอน ไม่ว่าในด้านที่ปิดบังความ เป็นจริง หรือการปล่อยให้สภาพเช่นนี้เกิดขึ้นท่ามกลางประกาศอันขึงขังจากผบ.ทบ.
การตัดสินใจของ พล.ท.พงศธร รอดชมภู ได้ช่วยปลดสลักภายใน พรรคอนาคตใหม่ได้อย่างรวดเร็ว
แต่ความรู้สึกหงุดหงิด ไม่พอใจก็ยังค้างคาอยู่อย่างกว้างขวาง
เป็นความหงุดหงิด ไม่พอใจ แม้ว่าจะเห็นด้วยกับการตัดสินใจของ พล.ท.พงศธร รอดชมภู อันกลายเป็นทางออกอันเหมาะสมภายในพรรคอนาคตใหม่
การดำรงอยู่ของ พล.ท.พงศธร รอดชมภู จึงยังเป็นการดำรงอยู่กับพรรคอนาคตใหม่ แม้จะมิได้เป็นกรรมการบริหารพรรค แต่ก็ยังเป็น ส.ส.บัญชีรายชื่อของพรรคเหมือนเดิม
เพียงแต่ ณ สิ้นเดือนมีนาคมก็มิได้พักอาศัยในบ้านหลวงอีกต่อไป
ความเป็นจริงที่ต้องยอมรับก็คือ พล.ท.พงศธร รอดชมภู ยังดำรงจุดมุ่ง หมายที่จะปฏิรูปกองทัพตามแนวของพรรคอนาคตใหม่หรือไม่
หากยังดำรงจุดมุ่งหมายนี้ก็ยังเป็นที่ต้อนรับ
ส่วนความผิดพลาดเนื่องแต่การตัดสินใจที่ล่าช้าในอดีตก็ถือว่าเป็นบทเรียนอันแหลมคมยิ่งในทางการเมือง
นั่นก็คือ ประกาศอย่างไรก็ต้องกระทำไปตามนั้น
บรรดา FUTURISTA ของพรรคอนาคตใหม่ก็จะยังคงยึดกุมหลักการเช่นนี้ต่อไป
เมื่อท่านพูด คนจะฟัง เมื่อท่านลงมือทำ คนจะเชื่อ