เผยแพร่ |
---|
เนื่องจากพรรคประชาธิปัตย์ก่อรูปเป็นพรรคมาตั้งแต่เดือนเมษายน 2489 ยาวนานเป็นอย่างยิ่ง
ปรากฏการณ์ภายในพรรคประชาธิปัตย์จึงน่าศึกษา
ไม่ว่าจะเป็นการแยกตัวของ นายกษิต ภิรมย์ ไม่ว่าจะเป็นการแยกตัวของ นายกรณ์ จาติกวณิช
ยิ่งการยุติบทบาทของ New Dem ยิ่งน่าศึกษา
หากศึกษากระบวนการตั้งแต่บางส่วนแยกตัวไปจัดตั้งพรรครวม พลังประชาชาติไทย บางส่วนแยกตัวไปร่วมกับพรรคพลังประชารัฐ ยิ่ง มองเห็นแนวทางที่แตกต่างกัน
ทั้งหมดนี้เป็นผลสะเทือนจาก 1 ปัจจัยภายใน และ 1 ปัจจัยภาย นอกของพรรคประชาธิปัตย์
เป็นปัจจัยทั้ง”เก่า” เป็นปัจจัยทั้ง”ใหม่”
การแยกตัวของกลุ่ม นายณัฎฐพล ทีปสุวรรณ นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ เพื่อไปเป็นแกนหลักในการสร้างพรรคพลังประชารัฐสามารถเข้าใจได้
เข้าใจได้มากยิ่งขึ้นเมื่อเปิดประตูรับ นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค เข้าไปด้วย
เช่นเดียวกับ กรณีของ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ
เมื่อ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รวบรวมพลังส่วนหนึ่งของกปปส.ไปจัดตั้งพรรครวมพลังประชาชาติไทยประกาศนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
จึงมิได้เป็นเรื่องแปลกเหนือความคาดคิด
เพราะไม่เพียงแต่จะได้ นายเอนก เหล่าธรรมทัศน์ หากในที่สุด นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ก็ไปร่วมเคลื่อนไหวต่อต้าน”ลัทธิชังชาติ”
นี่คือเส้นทางสายเก่า แนวการเมืองแบบเก่า
หากศึกษากระบวนท่าของ นายกรณ์ จาติกวณิช จะสัมผัสได้ว่าเป็นกระบวนท่าใกล้เคียงเป็นอย่างมากกับการตัดสินใจของกลุ่ม New Dem
เพียงแต่ นายกรณ์ จาติกวณิช มีศักยภาพมากกว่า มีบารมีเหนือกว่าเท่านั้น
นี่คือผลสะเทือนจากแนวคิดใหม่ แนวทางใหม่
เป็นความเรียกร้องต้องการให้ปรับเปลี่ยนเป็น New พรรคประชาธิปัตย์ แต่ไม่สามารถทำได้
จึงจำเป็นต้องแยกตัวออกมาและสร้างรังใหม่ พรรคใหม่