เผยแพร่ |
---|
ปฎิกิริยาอันเนื่องแต่การตั้ง”ฉายา”รัฐบาล ไม่ว่าจะมาจาก”ลุงตู่” ไม่ว่าจะมาจาก”ลุงดี้”สามารถเข้าใจได้
เนื่องจาก “ลุงตู่”ตกอยู่ในสถานะอันเป็น”อิเหนา”
จากจาก “ลุงดี้” ก็เป็นขาเชียร์รัฐประหาร ขาเชียร์คสช.และขาเชียร์ “ลุงตู่”อยู่แล้ว
สรุปตามสำนวน ชาย เมืองสิงห์ ก็คือ “ชาวบ้านเขารู้กันทั่ว”
กระนั้น คำถามหนึ่งอันตามมาภายหลังนักข่าวทำเนียบประชุมสรุปและแถลงออกมาซึ่งสำคัญเป็นอย่างมากก็คือ ชาวบ้านเขารับรู้และรู้สึกอย่างไรแต่ละฉายา
ความหงุดหงิดจาก”ลุงตู่” เป็นข้อมูลหนึ่ง การวางเฉยจาก”ลุงสม คิด”ก็เป็นอีกข้อมูลหนึ่ง
แต่ที่จะเป็นปัจจัยชี้ขาดอย่างแท้จริง คือ อารมณ์ในทางสังคม
ปราการด่านแรกที่สุดก็คือ คำว่า “รัฐบาลเซียงกง” เกินเลยและขยายจากความเป็นจริงมากไปหรือเปล่า
เพราะว่า”เซียงกง”หมายถึงอะไหล่ชั้น 2 มิได้เป็นของใหม่
ดูหน้า นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ใหม่หรือไม่ ดูหน้า นายสุริยะ จึง รุ่งเรืองกิจ ใหม่หรือไม่ ดูหน้า นายสมศักดิ์ เทพสุทิน ใหม่เอี่ยมถอดด้ามหรือว่าเก่ามาจากที่อื่น
ปราการด่านต่อมาก็คือ คำว่า”อิเหนาเมาหมัด” ทำไมจึงไม่ลงเอยด้วยคำว่า “อิเหนาเร้าใจ”
ยิ่งคำว่า “ศรีธนญชัยรอดช่อง” ยิ่งชวนให้ขบคิด
1 ขบคิดถึงบทบาทของรัฐบาลนับแต่หลังรัฐประหารเมื่อปี 2557 ขณะเดียวกัน 1 ขบคิดถึงบทบาท ท่าทีและท่วงทำนองของ พล.อ.ประ ยุทธ์ จันทร์โอชา ว่าถอดแบบมาจาก”อิเหนา”จริงหรือไม่
หากเมื่อใดสังคมและชาวบ้านเห็นด้วย เมื่อนั้นก็ต้องเหนื่อย
คำประกาศไม่ว่าจะมาจาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ไม่ว่าจะมาจากนักข่าวประจำทำเนียบรัฐบาล
ถามว่าบทบาทและความสำคัญอยู่ที่ไหน
คำตอบ 1 คือ บทบาทความเป็นเอกภาพระหว่างคำประกาศกับการปฏิบัติที่เป็นจริง
คำตอบ 1 คือ ฉายามาจากความเป็นจริงหรือความเป็นเท็จ
หากชาวบ้าน หากสังคมเห็นว่าบทสรุปของนักข่าวประจำทำเนียบไม่ตรงกับความเป็นจริงของรัฐบาล
นั่นหมายถึงหายนะแห่งความเชื่อถือ หายนะแห่งเครดิต