E-DUANG : ปรากฏการณ์ งูเห่า การเมือง กับการมา ของ “ภูมิทัศน์”ใหม่

ปรากฏการณ์ทางการเมืองอันเนื่องแต่กรณีงูเห่า ไม่ว่าจะเป็นปฏิกิริยา ประชาชนที่ชลบุรี ไม่ว่าจะเป็นปฏิกิริยาประชาชนที่ปทุมธานี ไม่ว่าปฏิ กิริยาประชาชนที่จันทบุรี

สะท้อนให้เห็นถึง “ภูมิทัศน์”ใหม่ในทางการเมืองที่นับวันจะแพร่ไปอย่างกว้างขวาง

สะท้อนให้เห็นสัมพันธ์ระหว่าง”มวลชน”กับ”พรรค”

ยืนยันให้เห็นอย่างเป็นรูปธรรมว่า ไม่ว่าพรรคเพื่อไทย ไม่ว่าพรรค อนาคตใหม่ ไม่จำเป็นต้องขับ ส.ส.งูเห่าเหล่านั้นออกจากพรรค เพราะ

“มวลชน”ได้ให้การพิพากษาเรียบร้อยแล้ว

บรรดางูเห่าอาจได้อามิสบรรณาการ ไม่ว่าเงิน ไม่ว่าตำแหน่งแต่ก็ไม่น่าจะมีอนาคตทางการเมืองสุกใส ไพจิตร

คาดทำนายล่วงหน้าได้เลยว่า “สอบตก”แน่นอน

 

ใครก็ตามที่ติดตามบทบาทและการแสดงออกของ “มวลชน” ไม่ว่าที่ปรากฏผ่านการชุมนุม ไม่ว่าที่ปรากฏผ่านการแสดงออกทางโซเชียล มี เดีย

ล้วนยืนยันความสัมพันธ์อันแนบแน่นระหว่าง “พรรค” กับ “มวลชน” อย่างลึกซึ้ง

ประดุจเลือดกับเนื้อ ประดุจปลากับน้ำ

พวกเขาประสานเสียงยืนยันว่า ที่ตัดสินใจเลือกคนเหล่านี้เนื่องจากเห็นด้วยกับนโยบายของพรรค โดยแทบไม่สนใจเลยว่าเป็นใคร

พฤติกรรมของ ส.ส.งูเห่า จึงเท่ากับนำเอาฉันทานุมัติจากประชาชนไปทำมาค้าขาย ไปต่อรองในเรื่องเงินตรา ไปต่อรองในเรื่องอามิสสินจ้าง

นี่คือตราบาป นี่คือความเลวร้ายอันประทับกับ”งูเห่า”

 

ใน “ภูมิทัศน์” การเมืองยุคเก่า ปรากฏการณ์”งูเห่า”มิได้เป็นเรื่องแปลก หากเกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า จากยุคเสรีมนังคศิลา กระทั่งมาถึงยุคประชา กรไทย

เพราะว่ายังอยู่ในพื้นที่การเมืองแบบอุปถัมภ์ ค้ำจุนกัน

หลังจากพรรคไทยรักไทยได้ชู “นโยบาย” นำและทำให้เกิดสภาวะที่เรียกว่า “ประชาธิปไตยกินได้” แม้สถานการณ์”งูเห่า”ทรยศต่อพรรคจะยังมีอยู่ แต่ก็เริ่มมีการแปรเปลี่ยน

กระทั่งมาถึงยุค “เพื่อไทย” มาถึงยุค”อนาคตใหม่” ก็ได้เสริมความแกร่งให้กับ”ภูมิทัศน์”ที่มวลชนเข้ามาคุมพรรคได้เด่นชัดยิ่งขึ้น