ยิ่งภาพของ น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ แถลงข่าวรับการร้องเรียนให้มีการ ตรวจสอบประธานคณะกรรมาธิการป.ป.ช. พร้อมกับ นายสิระ เจนจา คะ แพร่ออกไปกว้างขวางเพียงใด

จะยิ่งทำให้ภาพลักษณ์ของ น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ และ นายสิระ เจนจาคะ มีความคุ้นตาเจนใจชาวบ้านลึกซึ้งเพียงนั้น

เพียงแต่ว่าจะเป็นด้าน”บวก” หรือว่าจะเป็นด้าน”ลบ”

เพียงแต่ว่าเป้าหมายที่ น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ และ นายสิระ เจน จาคะ ต้องการโจมตีจะบรรลุ หรือกลายเป็นทวนหวนกลับมาเปิดโปง น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ และ นายสิระ เจนจาคะ มากกว่า

นี่คือผลสะเทือนจาก “เทคโนโลยี” นี่คือพลานุภาพอันดำรงอยู่ในโลกแห่ง “โซเชียล มีเดีย”

ยากเป็นอย่างยิ่งที่จะปิดบัง ยากเป็นอย่างยิ่งที่จะซ่อนเร้น

 

ใครก็ตามที่ติดตามข่าว โดยเฉพาะที่เห็นจากคลิปวิดิโอ สดๆเป็นๆของทั้ง น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ และ นายสิระ เจนจาคะ จะกระจ่างสว่างแก่ตาโดยอัตโนมัติ

ไม่เพียงแต่ “น้ำเสียง”เท่านั้นที่แจ่มชัด หากที่สำคัญเป็นอย่างมากยังเป็น “ภาษากาย”

ภาษากายที่ น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ ไม่ยอมตอบผ่าน”ไมค์”

พลันที่ประสบเข้ากับคำถามของผู้สื่อข่าวในเรื่องการตรวจสอบที่ดินกว่า 1,700 ไร่

ขณะเดียวกัน อาการของ นายสิระ เจนจาคะ ที่เคยห้าวเป็นอย่าง มากเมื่อไปรุกไล่นายตำรวจที่ภูเก็ต แต่เมื่อต้องออกมาแก้ต่างให้กับ น. ส.ปารีณา ไกรคุปต์ กลับอ้ำอึ้ง หันรีหันขวาง

แทนที่จะเป็นภาพการแถลงความจริงอย่างองอาจ ตรงกันข้าม กลับเป็นอาการอมพนำ ตอบไม่ได้เต็มปาก

 

การเมืองยุคการเลือกตั้งเดือนมีนาคม 2562 เป็นการเมืองในยุคแห่งออนไลน์ เป็นการเมืองที่ภาพทุกภาพได้รับการเผยแพร่ไปอย่างกว้าง ขวางลึกซึ้ง

นี่มิได้เป็นการเมืองที่รัฐบาลจะรุกไล่อย่างด้านเดียว หากแต่อีกฝ่ายก็สามารถแสดงบทบาทได้

และเมื่อแสงแห่งสปอตไลต์ฉายจับ ถูกติดตามด้วยกล้องและด้วยเทคโนโลยีอันทันสมัย รอยยิ้มที่แย้มออกมา ดวงตาที่ทอดมอง อาการหันรีหันขวางมิอาจหลุดรอดไปจากสายตาของสังคม

โซเชียลสร้างดาวเด่นได้ โซเชียลก็สร้างดาวดับได้