เผยแพร่ |
---|
จำนวน ส.ส.อาจเป็นตัวกำหนดอย่างสัมผัสได้ในทางรูปธรรมว่า พรรคใดใหญ่ พรรคใดเล็ก
อย่างเช่นพรรคเพื่อไทยถือได้ว่าเป็นพรรคใหญ่
อย่างเช่นพรรคพลังประชารัฐ พรรคอนาคตใหม่ก็ถือได้ว่าเป็นพรรคขนาดใหญ่
เพราะมี ส.ส.เป็นอันดับ 2 เป็นอันดับ 3
เหนือกว่าพรรคประชาธิปัตย์ เหนือกว่าพรรคภูมิใจไทย เหนือ กว่าพรรคชาติไทยพัฒนา เหนือกว่าพรรคชาติพัฒนาแม้จะเพิ่งตั้ง
กระนั้น พรรคใดมีอำนาจ พรรคใดมีอิทธิพลก็มิได้ขึ้นอยู่กับจำนวน ส.ส.หรือจำนวนเงินทุนเท่านั้น
หากแต่ยังขึ้นอยู่กับสามารถกำหนด”วาระ”ทางสังคมหรือไม่
ถามว่าการที่กรณี”ถวายสัตย์ปฏิญาณตน”ได้กลายเป็นวาระ เป็น ประเด็นสำคัญในทางสังคมเกิดจากพรรคการเมืองใด เกิดจากใคร เป็นผู้จุดประกาย
ตอบได้เลยว่า เป็น นายปิยบุตร แสงกนกกุล
ขณะเดียวกัน ก็อย่าลืมเป็นอันขาดว่า นายปิยบุตร แสงกนกกุล คือ เลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ คือ ส.ส.บัญชีรายชื่อ หมายเลข 2 ของพรรคอนาคตใหม่
ถามต่อไปว่าเหตุปัจจัยอะไรทำให้การเลือกตั้งในระดับท้องถิ่นกลายเป็น”วาระ”สำคัญ
ได้รับการขานรับอย่างคึกคัก
มีคำตอบมากมาย แต่ที่ไม่ควรมองข้ามอย่างเด็ดขาดคือคำประกาศของพรรคอนาคตใหม่ในการรุกทะลวงเข้าไปยังการเลือก ตั้งระดับท้องถิ่น
บนพื้นฐานของหลักการการกระจายอำนาจเพื่อทะลายการแข็งตัวของโครงสร้าง”รัฐราชการรวมศูนย์”
แม้ทุกพรรคจะมีนโยบายกระจายอำนาจ แต่ที่ยึดกุมเอาท้องถิ่นเป็นหัวหอกพรรคอนาคตใหม่แสดงเด่นชัดเป็นพรรคแรก
จากนี้จึงเห็นได้หรือยังว่า การเป็นพรรคการเมืองใหญ่อาจขึ้นอยู่กับจำนวน ส.ส. แต่การเป็นพรรคการเมืองซึ่งมีบทบาทและมีส่วน ในการกำหนด”วาระ”ของสังคม
มิได้ขึ้นกับ “จำนวน” หากแต่ขึ้นกับ “คุณภาพ”ในทางความคิด
นี่คือส่วนที่โดดเด่นเป็นลำดับของพรรคอนาคตใหม่