เผยแพร่ |
---|
ไม่ว่ากรณีของอับดุลเลาะห์แห่งสายบุรี ปัตตานี ไม่ว่ากรณีของบิลลี่แห่งแก่งกระจาน เพชรบุรี
คือ อาการป่วยไข้ของสังคม
ถามว่าในยุคคสช.เรื่องเช่นนี้สามารถปรากฏและสำแดงออกมาได้อย่างเสรีหรือไม่
ตอบได้เลยว่า ไม่
มีคนจำนวนมากมีชะตากรรมอย่างเดียวกับบิลลี่ และเสียชีวิตอย่างมากด้วยเงื่อนงำอย่างเดียวกับอับดุลเลาะห์ คนแล้วคนเล่าศพแล้วศพเล่า
แต่เมื่อเข้าสู่กระบวนการของการเลือกตั้ง แต่เมื่อแสงแห่งประชาธิปไตยแม้จะยังน้อยนิดเป็นอย่างมาก
แต่ก็ส่องไล่”ความมืด”ที่เคยครอบงำออกไปได้
เด่นชัดเป็นอย่างยิ่งว่า ไม่ว่ากรณีของอับดุลเลาะห์ ไม่ว่ากรณีของบิลลี่มีชะตากรรมสัมพันธ์อยู่กับอำนาจรัฐ อยู่กับกลไกแห่งอำนาจรัฐ
นั่นก็คือ สามารถจับกุมและกักตัวได้เพียงแต่เกิดความแคลง คลางกังขา
บิลลี่เมื่อถูกจับกุมก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย
มาปรากฏอีกครั้งก็ปรากฏว่าถูกอัดแน่นอยู่ในถังซึ่งถูกถ่วงจมอยู่ในสายน้ำ
ต้องขอบคุณ DSI ที่ทำให้ได้เห็น
กรณีของอับดุลเลาะห์ถูกจับไปเมื่อเดือนกรกฎาคมและกลับออกมาจากค่ายทหารในเดือนสิงหาคมก็เป็นศพ
ท่ามกลางความกังขาของภรรยาและเครือญาติ
เงื่อนงำที่กังขาเมือ่ไม่ได้รับความกระจ่างจากทางทหารก็กลายเป็นความกังขาระดับกว้าง จาก 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้เข้ามายังกรุงเทพมหานคร
และก็เข้าสู่คำถามผ่าน”สภาผู้แทนราษฎร”
จากนี้จึงเด่นชัดยิ่งว่ากระแสอันเนื่องจากกรณีอับดุลเลาะห์ กระแสอันเนื่องจากบิลลี่ ดำเนินไปในแบบน้ำลดตอผุด ความจริง ก็สำแดงตัวออกมา
อุปมาเหมือนคสช.เป็นดังความมืดที่เคยครอบงำ ฉันใด การมาของการเลือกตั้งคือแสงอันสาดฉายเข้าไป ฉันนั้น
ต้องขอบคุณ”ประชาธิปไตย”ที่เบิกสถานการณ์ เบิกมิติใหม่ในทางการเมือง