เผยแพร่ |
---|
ไม่ว่าจะมองในด้านของนิติธรรม หรือจะมองในด้านของจริยธรรม ปัญหาอันเกี่ยวกับ”ถวายสัตย์ปฏิญาณตน”มีความล่อแหลมและ แหลมคมอย่างยิ่ง
ในฐานะที่เป็นคนเจ้าบทเจ้ากลอน ในฐานะที่เป็นคนซึ่งสัม พันธ์กับวรรณกรรมโบราณ
กรณีนี้เข้าข่าย “รักยาวให้บั่น รักสั้นให้ต่อ”
ไม่ว่าจะมองผ่านบทบาทของ นายวิษณุ เครืองาม เอง ไม่ว่า จะมองผ่านบทบาทของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ล้วนเข้าลักษ ณะพังเพยไทยนี้ทั้งสิ้น
นั่นก็คือ อยากให้จบ แต่ดูเหมือนว่าเรื่องจะไม่ยอมจบไปตาม ความปรารถนา
ทำท่าว่าอาจจะกลายเป็น”มหากาพย์”
คำถามก็คือ เหตุใดคำกล่าวของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ต่อหน้ารัฐมนตรีและผู้บริหารระดับสูงกว่า 800 คน ณ เมืองทองธานี ที่ว่า
“ผมขอรับผิดชอบแต่เพียงผู้เดียว”
จึงแทนที่จะจบ จึงแทนที่จะสร้างความโล่งอกและทำให้สังคมจะสามารถเดินหน้าไปได้เหมือนกับไม่เคยมีความผิดพลาดเกิดขึ้นในการ”ถวายสัตย์ปฏิญาณตน”
คำตอบไม่มีอะไรสลับซับซ้อน เพราะว่าสังคมคิดว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา จะทำอย่างใดอย่างหนึ่งเป็นทางออก
ข่าวลือในเรื่อง”ลาออก”จึงดังขึ้นมา
พลันที่มีการแถลงและการยืนยันจาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ว่าจะไม่ลาออก และยังคงเดินหน้าทำงานต่อไปในฐานะนายกรัฐมนตรี
จึงกลายเป็นประเด็น จึงกลายเป็นเรื่องค้างคา
ถามถึงความรับผิดชอบจากที่มีการเปล่งประกาศ”ผมจะขอรับผิดชอบแต่เพียงผู้เดียว”แท้จริงเป็นความรับผิดชอบอย่างไรนี่คือปัญหา
คือความต่อเนื่องไปอีกยาวนานจนกว่าจะมีความแจ่มชัดจาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา