E-DUANG : ​​​เส้นทาง สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ ​​​ไม่ต่างกับ สมศักดิ์ เทพสุทิน

กรณี นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ กรณี นายอนุชา นาคาศัย กรณี นายสุชาติ ชมกลิ่น กรณี นายอัครา พรหมเผ่า กำลังทดสอบศักย์ แห่งการนำของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา

นี่ย่อมเป็นสภาพการณ์ใหม่ในทางการเมืองที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ต้องประสบ

มองอย่างเปรียบเทียบจะสัมผัสได้ใน”ความต่าง”

ต่างจากสถานะของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หลังรัฐประ หารเมื่อเดือนพฤษภาคม 2557 อย่างเด่นชัด

ตอนนั้นจะทำอะไรทุกคนประสานเสียงขานรับ คึกคัก

แต่ตอนนี้เพียงขยับ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ  ขยับ นายอนุชา นาคาศัย  นายสุชาติ ชมกลิ่น นายอัครา พรหมเผ่า

“ปฏิกิริยา”ก็ตามมาอย่างร้อนแรง

 

หากย้อนนึกไปยังบทสรุปของ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน ที่ว่า รัฐธรรม นูญฉบับนี้ DESIGNมาเพื่อพวกเรา

ทุกอย่างเป็นไปตามนั้น

เพียงแต่ก่อนวันที่ 24 มีนาคม คำว่า”พวกเรา”อาจหมายรวมถึงกลุ่มสามมิตร แต่ภายหลังวันที่ 9 มิถุนายน คำว่า”พวกเรา” อาจหมายเพียง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เท่านั้น

เพราะในที่สุด ไม่ว่า นายสมศักดิ์ เทพสุทิน ไม่ว่า นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ ล้วนมิสิทธิ์ถูกขยับถูกเขย่า ไม่แตกต่างไปจาก นายอนุชา นาคาศรัย

ไม่ต่างจาก นายสุชาติ ชมกลิ่น นายอัครา พรหมเผ่า

เพราะ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน ก็หลุดจากกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เพราะ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ ก็หลุดจากกระทรวง พลังงาน เพราะ นายสุชาติ ชมกลิ่น ก็หลุดจากกระทรวงแรงงาน

เพราะคนที่มีอำนาจอยู่ในมืออย่างแท้จริงเป็น พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ต่างหาก

 

ถามว่าเมื่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ตัดสินใจอย่างเฉียบขาดในกรณีของ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ เช่นนี้จะลงเอยอย่างไร

ตอบได้เลยว่าก็เหมือนกรณี นายสมศักดิ์ เทพสุทิน

เพราะเมื่อไม่ให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์แก่ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน ในที่สุด นายสมศักดิ์ เทพสุทิน ก็จำต้องยอมรับและจมอยู่กับความเงียบ

ชะตากรรมของ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ ก็เป็นเช่นนั้น