ต้องยอมรับว่า ปฏิบัติการ IO ฟาดกระหน่ำเข้าใส่ น.ส.พรรณิการ์ วานิช จากกรณี “อีช่อ” เรื่อยไปจนถึงการเจาะเวลาหาเรื่องราวตั้งแต่เมื่อปี 2553 มาดำเนินไปด้วยความคึกคัก

ในที่สุดก็ลงเอยด้วยการปล่อยหมัดเด็ดว่า พรรคอนาคตใหม่ ลดบทบาทของ น.ส.พรรณิการ์ วานิช

รูปธรรม 1 ก็คือ การหายหน้าไปเป็นลำดับ

ที่เคยปรากฏพร้อมกับ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หรือไม่ก็พร้อมกับ นายปิยบุตร แสงกนกกุล ก็เริ่มไม่มี

รูปธรรม 1 ก็คือ การตั้ง”รองโฆษก”ขึ้นมาเป็น 3 คน

แม้ทั้ง นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ และ นายปิยบุตร แสงกนกกุล จะยืนยันสถานะของ น.ส.พรรณิการ์ วานิช ไม่เปลี่ยนแปลง

แต่ความเงียบหายก็ชวนให้เข้าใจไปในแนวทางเช่นนั้น

 

พลันที่ปรากฏคลิปวิดิโอ การแสดงวิสัยทัศน์เนื่องในการประชุมสุด ยอดอาเซียนของ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หลายคนเริ่มรู้สึกว่าที่ว่ามีการลดบทบาท น.ส.พรรณิการ์ วานิช นั้นอาจเป็นข่าวลือ

เพราะ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ และ นายปิยบุตร แสงกนกกุล เคยยืนยันก่อนหน้านี้ว่า

น.ส.พรรณิการ์ วานิช มิได้รับผิดชอบในฐานะโฆษกพรรคเท่านั้น หากแต่งานสำคัญอีกด้านหนึ่งคือ งานด้านการต่างประเทศและสิทธิมนุษยชน

นี่คือความถนัดโดยแท้ของ น.ส.พรรณิการ์ วานิช ตั้งแต่ยังเป็นนักข่าวอยู่วอยซ์ทีวี

นี่คือเส้นทางของ น.ส.พรรณิการ์ วานิช ตั้งแต่เข้าศึกษาในภาควิชาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ไม่ว่าที่จุฬาลงกรณ์มหา วิทยาลัยหรือที่อังกฤษ

ยิ่งฟังคำแถลงของ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ยิ่งมองเห็นใบหน้าของ น.ส.พรรณิการ์ วานิช ลอยเด่น

 

แท้จริงแล้ว ในอีกด้านของผลสะเทือนจากปฎิบัติการ IO ที่รุม กระหน่ำมา กลับทำให้มีการปรับบทบาทของพรรคอนาคตใหม่ ของ น.ส.พรรณิการ์ วานิช อย่างสร้างสรรค์

เป็นการปรับอย่างก้าวกระโดด

ส่งผลให้ น.ส.พรรณิการ์ วานิช เข้ารับงานด้านต่างประเทศและสิทธิมนุษยชนมากยิ่งขึ้น อันเป็นความถนัดความชมชอบมาอย่างยาวนาน

เล่นบทรัฐมนตรี”เงา”กระทรวงการต่างประเทศ