เผยแพร่ |
---|
อะไรเป็นเหตุปัจจัยให้การรุกของพรรคประชาธิปัตย์ พรรคภูมิใจ ไทย ไปยังคสช. ไปยังพรรคพลังประชารัฐ สามารถกำชัยได้อย่างต่อเนื่อง
ตอบได้เลยว่าเพราะคสช.และพรรคพลังประชารัฐหวาดกลัวต่อการจับมืออย่างเหนียวแน่นของพันธมิตร 7 พรรค
ยิ่งคสช.และพรรคพลังประชารัฐหวาดกลัวต่อพลังจากพันธ มิตร 7 พรรคมากเท่าใด ยิ่งสร้างอำนาจในการต่อรองให้กับพรรค ประชาธิปัตย์ พรรคภูมิใจไทย มากเท่านั้น
เห็นได้จากการที่ต้องถอยร่นออกจากตำแหน่งประธานสภาผู้ แทนราษฎร เห็นได้จากการที่ต้องจำใจ”คาย”หลายกระทรวงที่เคยยืนยันว่าต้องเป็นโควตาของตน
ที่ว่าความกลัวทำให้เสื่อมก็สัมผัสได้อย่างเป็นรูปธรรมเช่นนี้
การแปรเปลี่ยนของอำนาจในมือคสช.เป็นกฎแห่งกรรมอันสะท้อนอนิจจลักษณะได้อย่างเที่ยงธรรมที่สุด
ถามว่าคสช.ได้อำนาจมาอย่างไร
คำตอบเห็นชัดก็คือ เป็นอำนาจบนรากฐานแห่งความขัดแย้งของแต่ละกลุ่มฝ่ายทางการเมือง เป็นซ้ายเป็นขวา เป็นเหลืองเป็นแดง
ถามว่าหลังรัฐประหารเมื่อเดือนพฤษภาคม 2557 การแตกแยกทางความคิดจบสิ้นไปหรือไม่
ตอบได้ว่ายังไม่หมดสิ้น
ผลการเลือกตั้งยังสะท้อนความขัดแย้งแตกแยกในทางความ คิดอย่างเด่นชัด แต่แทนที่จะกลายเป็นระหว่างขวากับซ้าย เหลืองกับแดง
กลับกลายเป็นระหว่างคสช.และผู้สนับสนุนกับพรรคการเมืองกับผู้สนับสนุน โดยมีพรรคประชาธิปัตย์ พรรคภูมิใจไทยมาใช้ประโยชน์แทนที่
แม้จะยืนอยู่กับคสช. แต่ก็ยืนอย่างฉกฉวยประโยชน์
สถานการณ์ทำให้พรรคประชาธิปัตย์ พรรคภูมิใจไทย อยู่ในพื้นที่ที่แย่งชิงระหว่างคสช.พรรคพลังประชารัฐ กับ พรรคเพื่อไทย พรรคอนาคตใหม่
ดำเนินไปในบทบาทของ “ตาอยู่”
คำถามอยู่ที่ว่า พรรคประชาธิปัตย์ พรรคภูมิใจไทย วางเป้าหมายอย่างไร
บทบาทและการตัดสินใจจะให้”คำตอบ”ในที่สุด