E-DUANG : เปลี่ยนผ่าน กินรวบ กินแบ่ง ผลสะเทือน จาก “เลือกตั้ง”

ทั้งๆที่ “รัฐธรรมนูญฉบับนี้ DESIGN มาเพื่อพวกเรา”อย่างที่นาย สมศักดิ์ เทพสุทิน สรุปอย่างรวบรัดภายในพรรคพลังประชารัฐ แต่ก็จากรัฐธรรมนูญฉบับนี้อีกนั่นเอง

ที่เมื่อผ่านเข้าสู่สถานการณ์การเลือกตั้งเมื่อวันที่ 24 มีนาคมก็ทำให้สถานะของคสช.แปรเปลี่ยนอย่างมีนัยสำคัญ

อย่างน้อยนับจากวินาทีที่ผลการเลือกตั้งปรากฏออกมาสถา นะของคสช.หลังเดือนพฤษภาคม 2562 ก็แตกต่างไปจากสถานะของคสช.หลังเดือนพฤษภาคม 2557 อย่างสิ้นเชิง

มีความจำเป็นที่คสช.ต้องล้างหูน้อมรับฟัง 52 เสียงของพรรคประชาธิปัตย์ 51 เสียงของพรรคภูมิใจไทยหรือแม้กระทั่ง 10 เสียงของพรรคชาติไทยพัฒนา

เพราะนี่คือยุค”กินแบ่ง”ไม่ได้เป็นยุค”กินรวบ”อีกแล้ว

 

แต่ละระลอกข่าวที่ลอยออกมาระหว่างการดีลเรื่องจัดตั้งรัฐบาลจะสัมผัสได้ถึงสภาวะพลิกผันแปรเปลี่ยน

อย่าว่าแต่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เลย

แม้กระทั่ง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ก็มีเสียงเรียกร้องให้ วางมือในทางการเมือง

เพื่อ”ปลดล็อก”ไปสู่หนทางใหม่ที่สดใส

คำว่าสดใสในที่นี้อาจจะอ้างประเทศชาติ อ้างประชาชน แต่ในที่สุดแล้วก็เพื่อผลประโยชน์ของแต่ละพรรคการเมืองที่ร่วมอยู่บนโต๊ะเจรจา

คสช.อาจยังสามารถรักษากระทรวงกลาโหมไว้ได้ แต่กล่าว สำหรับกระทรวงเศรษฐกิจยากเป็นอย่างยิ่ง

เพราะผลงาน 5 ปีที่ผ่านมาเด่นชัด

ไม่ว่าจะเป็นยุค ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล ไม่ว่าจะเป็นยุค นาย สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ แทบไม่มีอะไรแตกต่างกัน

มีหรือที่พรรคประชาธิปัตย์ พรรคภูมิใจไทยจะยอม

เพราะมี 52 เสียง เพราะมี 51 เสียงอยู่ในมือ

 

การเลือกตั้งนั่นแหละที่ทำให้สถานะของคสช.แปรเปลี่ยน การเลือกตั้งนั่นแหละที่ทำให้อำนาจในการกดดัน บีบบังคับของคสช.คลายลง

แทนที่จะเป็นคนลงมือกลับกลายเป็นผู้สังเกตการณ์

ไม่ว่าเกมการเลือกตั้ง ไม่ว่าเกมการจัดตั้งรัฐบาลล้วนเป็นเรื่องใหม่ ภูมิทัศน์ใหม่ของกกต.

ไม่สามารถ”กินรวบ” จำเป็นต้อง”กินแบ่ง”