การเกิดขึ้นของแนวร่วมต่อต้านการสืบทอดอำนาจของคสช.เป็นธรรมชาติ 1 ในทางการเมือง การเกิดขึ้นของขั้วที่ 3 เพื่อต้านการกินรวบอำนาจของคสช.และพรรคพลังประชารัฐก็เป็นอีกธรรมชาติ 1 ในทางการเมือง

เป็นการเมืองหลังรัฐประหารเมื่อเดือนพฤษภาคม 2557

เป็นการเมืองตามรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2560 เป็นการเมืองภายหลังการเลือกตั้งเมื่อเดือนมีนาคม

ถามว่ามี”พัฒนาการ”หรือไม่

ต้องยอมรับว่ามี”พัฒนาการ”ไม่ว่าความพยายามของคสช.ผ่านพรรคพลังประชารัฐ ไม่ว่าความพยายามของขั้วที่ 3 ในทาง การเมือง

โดยเฉพาะอย่างยิ่งขั้วที่ต่อต้านการสืบทอดอำนาจของคสช.

 

พัฒนาการในที่นี้ดำรงอยู่ตามสภาพความเป็นจริงของการเมืองที่ไม่มีฝ่ายใดรวบอำนาจไว้ในมือเอาไว้ได้อย่างเบ็ดเสร็จ เด็ดขาดแต่เพียงผู้เดียว

ถึงจะมีความเชื่อมั่นเป็นอย่างสูงว่า “รัฐธรรมนูญฉบับนี้ DESIGN มาเพื่อพวกเรา”

จะคิดสูตรคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่ออย่างไรก็ได้

จะแต่งตั้งเพื่อนพ้อง น้อง พี่ ภายใน”แม่น้ำ 5 สาย”เข้ามาอยู่ใน 250 ส.ว.อย่างไรก็ได้

แต่ทุกอย่างดำเนินไปด้วยความราบรื่นหรือไม่

ไม่เพียงแต่เกิดแนวต่อต้านการสืบทอดอำนาจโดย 7 พรรคการเมืองที่มี ส.ส.อยู่ในมือมากกว่า 240

หากแต่ยังมีขั้วที่ 3 ที่มี ส.ส.มากถึง 113

แม้คสช.จะมีพรรคพลังประชารัฐ พรรครวมประชาชาติไทย พรรคพลังท้องถิ่นไท พรรคประชาชนปฏิรูป แต่ถามว่าทำอะไรได้ตามที่ DESIGN ออกมาได้หรือไม่

ตอบได้เลยว่า ไม่ง่าย

 

แม้ว่าการก่อรูปขึ้นของพรรคการเมืองขั้วที่ 3 จะมีเป้าหมายและรายละเอียดต่างไปจากความพยายาในการปิดสวิตช์ 250 ส.ว.ไปบ้าง แต่คนที่แบกหนักคือคสช.

แม้ในที่สุดหากการเจรจาต่อรองประสบผลสำเร็จพรรคการเมืองขั้วที่ 3 ก็ไปอยู่ในเครือข่ายของคสช.

แต่การเดินหน้าของรัฐบาลคสช.ก็ไม่ง่ายดายอีกแล้ว