เผยแพร่ |
---|
ทุกครั้งที่มีสภาพ“เดดล็อก”ทางการเมืองปรากฏขึ้นสังคม ที่ตามมาก็จะเป็นความคิดอย่างน้อยก็ 3 ประการ
1 คิดเรื่องการเมืองบนท้องถนน
เหมือนที่เกิดก่อนรัฐประหารเดือนกันยายน 2549 เหมือนที่เกิดก่อนรัฐประหารเดือนพฤษภาคม 2557
1 คิดเรื่องรัฐบาลอันมาพร้อมกับ”อำนาจพิเศษ”
ไม่ว่าจะเรียกรัฐบาลมาตรา 7 ไม่ว่าจะเรียกรัฐบาลแห่งชาติ ไม่ว่าจะเรียกรัฐบาลปรองดองสมานฉันท์
1 คิดเรื่อง “รัฐประหาร”
น่าสังเกตว่า วันนี้ก็มีการพูดถึงสถานการณ์ 3 อย่างนี้เช่นกัน
แต่ประเด็น”รัฐประหาร”กลับไม่ได้รับความสนใจ
มีความหวั่นเกรงในเรื่องการลงสู่ท้องถนนโดยมิได้มองไปยังพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย โดยมิได้มองไปยังมวลมหาประ ชาชน
แม้กระทั่งพรรคเพื่อไทยอันสัมพันธ์แนบแน่นกับนปช.ก็ถูกมองข้ามไป
แต่พุ่งเป้าไปยังพรรคอนาคตใหม่อย่างเป็นด้านหลัก
สัมผัสได้จากเสียงเตือนจากคสช. สัมผัสได้จากเสียงเตือนของบางพรรคการเมือง
แม้รัฐบาลอันมาด้วยอำนาจพิเศษจะได้รับการกระพืออย่างคึกคักท่ามกลางสารพัดข่าวลือ แต่ด้วยระยะเวลาอันสั้นก็จางจาก หายไป
จางจากหายไปเหมือนกับประเด็นอันเกี่ยวกับ”รัฐประหาร”
อาจเป็นเพราะอำนาจอยู่ในมือของคสช. อาจเป็นเพราะคสช.ก็มีรากฐานมาจากรัฐประหาร และก็มีบทบาทในการจัดระเบียบผบ.เหล่าทัพมาอย่างต่อเนื่อง
สะท้อนความเชื่อมั่นในหนทาง”รัฐธรรมนูญ”เด่นชัดขึ้น
พรรคอนาคตใหม่แม้ว่าจะดุเดือด ร้อนแรง แต่ก็ประกาศหนทางการต่อสู้ในแนวรัฐสภาอย่างมั่นแน่ว
อาจเพราะมองเห็นโอกาสจาก”การเลือกตั้ง”
ขณะเดียวกัน กำลังของพันธมิตรก็อ่อนแรง กำลังของกปปส.ก็กลายเป็นส่วนหนึ่งของคสช. กำลังของนปช.ก็รอรับคำพิพากษาเช่นเดียวกับ 2 กลุ่มแรก
เท่ากับแนวทาง”รัฐธรรมนูญ”เริ่มปักหลัก