E-DUANG : การท้าทาย ต่อ อนาคตใหม่ การท้าทาย “6.2 ล้านเสียง”

ไม่ว่าการแจ้งความกล่าวหา นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ผ่านมาตรา 116 ไม่ว่าการแจ้งความกล่าวหา นายปิยบุตร แสงกนกกุล ผ่านกรณีหมิ่นศาลรัฐธรรมนูญ

มากด้วยความละเอียดและอ่อนไหวทางการเมือง

ไม่ว่าการรับคำร้องกล่าวหาว่า นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ขัด คุณสมบัติในการลงสมัครรับเลือกตั้งและดำเนินการไต่สวนของกกต.

มากด้วยความละเอียดและอ่อนไหวทางการเมือง

ไม่เพียงเพราะกรณีหมิ่นศาลเป็นเรื่องในเดือนกุมภาพันธ์ ไม่เพียงเพราะกรณีบริษัทสื่อได้เลิกกิจการไปแล้ว 2 ปี ไม่เพียงเพราะกรณีช่วยเหลือผู้ต้องหาหลบหนีเป็นเรื่องเมื่อ 4 ปีก่อน

หากแต่เพราะสถานะของพรรคอนาคตใหม่ในทางการเมือง

 

พรรคอนาคตใหม่อาจประกาศและสำแดงตนเมือ่เดือนมีนาคม 2561 แต่นับอายุการเป็นพรรคการเมืองโดยการอนุมัติของกกต.ก็เพียง 8 เดือน

แต่ฐานของสมาชิกคือ 50,000 จากทั่วประเทศ

เป็น 50,000 คนที่สามารถจัดตั้งสาขาพรรคได้ครบทั้ง 77 จังหวัด

ส่งคนลงสมัครรับเลือกตั้งครบ 350 เขต

และผลการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 24 มีนาคมอย่างไม่เป็นทางการคือได้ ส.ส.ทั้งระบบเขตและระบบบัญชีรายชื่อ 87 คน

ได้คะแนนรวมหรือป็อบปูลาร์โหวตกว่า 6.2 ล้านคะแนน

ทั้งๆที่เป็นพรรคเพิ่งเริ่มก่อตั้งแต่ก็ทะยานไปเป็นพรรคอันดับ 3 รองจากพรรคเพื่อไทย พรรคพลังประชารัฐ และเหนือกว่าพรรค เก่าแก่ที่จัดตั้งมานานกว่า

ไม่ว่าจะเป็นพรรคประชาธิปัตย์ ไม่ว่าจะเป็นพรรคภูมิใจไทย ไม่ว่าจะเป็นพรรคชาติไทยพัฒนา ไม่ว่าจะเป็นพรรคชาติพัฒนา ก็ตาม

ความละเอียดอ่อนอยู่ที่กว่า 6.2 ล้านคะแนนเสียง

 

ความสงสัยเป็นอย่างยิ่งก็คือ หากพรรคอนาคตใหม่ไม่ประสบความสำเร็จทางการเมืองกระทั่งกลายเป็นพรรคอันดับ 3 จะประสบกับชะตากรรมเช่นนี้หรือไม่

ไม่ว่า นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ไม่ว่า นายปิยบุตร แสงกนกกุล

นี่คือการต้อนรับน้องใหม่ นี่คือการเตะสกัดขาทางการเมือง