เผยแพร่ |
---|
อยู่ๆผู้สมัคร ส.ส.พรรคเศรษฐกิจใหม่ 3 คนก็เดินทางไปยื่นหนังสือ เรียกร้องให้สอบสวนพฤติกรรมไม่ชอบมาพากลของ นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ และเรียกร้องให้ยุบพรรค
ถือว่าเป็นเรื่องแปลกอย่างเหลือเชื่อในยุคแห่ง”ปฏิรูปก่อนเลือกตั้ง”
อยู่ๆกกต.ซึ่งได้รับการคัดสรรมาจากคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ และผ่านความเห็นชอบจากที่ประชุมใหญ่สภานิติ บัญญัติแห่งชาติ
ก็ไม่แน่ใจว่าวิธีการคำนวณเพื่อหา ส.ส.บัญชีรายชื่อจำนวน 150 คนจะถูกต้องหรือขัดกับรัฐธรรมนูญหรือไม่จนต้องสอบถามความเห็นจากตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ
เป็นเรื่องเหลือเชื่ออย่างแน่นอน แต่เกิดขึ้นแล้ว
อย่าว่าแต่จะมีหัวหน้าพรรคการเมืองบางพรรคเสนอให้มีการขยายบทบาทและความหมายของบทเฉพาะกาล มาตรา 270 ของรัฐธรรมนูญไปยังพรบ.งบประมาณเลย
แม้กระทั่งพรรคการเมืองที่มี ส.ส.เป็นอันดับ 2 ยังแสดงตนเป็นผู้จัดตั้งรัฐบาล
โดยมั่นใจในเสียงของ 250 ส.ว.เป็นอย่างสูง
พรรคการเมืองที่ได้ ส.ส.อันดับ 2 ยังออกมาเยาะหยันพรรค การเมืองที่ได้ ส.ส.อันดับ 1 อย่างดุเดือดและเข้มข้น
ด้วยการชูคะแนนป้อบปูลาร์โหวตขึ้นสูง
ทั้งๆที่ในความเป็นจริงตนส่งผู้สมัครครบ 350 เขตขณะที่อีก พรรคส่งเพียง 250 เขต
อย่าได้แปลกใจหากว่าความผิดปกติเหล่านี้ล้วนสัมพันธ์กับสภาพการณ์ทางการเมืองภายหลังรัฐประหารเมื่อเดือนพฤษภาคม 2557
ที่มีการเลื่อนการเลือกตั้งตั้งแต่ปี 2558 เรื่อยมาจนถึงเดือนมี นาคม 2562
จากความเคยชินในเรื่องผิดปกติเช่นนี้เองเมื่อมีการเสนอว่าด้วยรัฐ บาลแห่งชาติผู้คนจึงล้างหูน้อมรับฟัง เมื่อมีการเสนอสูตรคำนวณหาส.ส.บัญชีรายชื่อ ผู้คนจึงล้างหูน้อมรับฟัง
ความโน้มเอียงที่เด่นชัดว่า อาจเป็นไปตามนั้น
เหมือนกับอยู่ๆมีความพยายามขยายบทบาทลทเฉพาะกาล มาตรา 270 ของรัฐธรรมนูญ
คนก็คล้อยตามว่าทุกอย่างอาจเป็นไปตามนั้น