เผยแพร่ |
---|
ท่วงทำนองของ นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ ไม่ว่าก่อนหรือหลังวันที่ 24 มีนาคม ไม่ว่าบนเวทีดีเบตประชันวิสัยทัศน์ ไม่ว่าเมื่อแถลงหรือให้สัมภาษณ์สื่อ
เป็นท่วงทำนองในแบบที่”โกวเล้ง” สรุปเรียกอย่างรวบรัดด้วยสำนวนแปลของ ว. ณ เมืองลุง และ น. นพรัตน์ ว่า
“ผายลมไยต้องถอดกางเกงด้วยเล่า”
เพราะว่า “ผายลม” เสมอเป็นเพียงการระบายลมออกมาจากรูทวาร ย่อมแตกต่างไปจากการปัสสาวะหรืออุจจาระอันเป็นภาระที่มีความหนักหน่วงยิ่งกว่า
เมื่อเป็นเพียงการระบาย “ลม” อันพลุ่งพล่านจึงไม่มีความจำ เป็นอะไรที่จะต้องถอดกางเกง
เว้นแต่คนประเภทพิรี้พิไรเกินกว่าความจำเป็น
ถามว่า นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ หรือ “พี่มิ่ง”ของน้องๆในโซเชียลมีเดีย เป็นอย่างไร
ตอบได้เลยว่า แบบนั้นแหละ
ไม่ว่าจะดีเบตบนเวทีของ”จอมขวัญ” ไม่ว่าจะดีเบตบนเวทีของ”สุทธิชัย” ท่วงทำนองของ นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ ก็คือ “ขอ เวลาผม 2 นาที”
แล้วก็เป็น 2 นาทีอันยืดยาว
หรือแม้กระทั่ง นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ จะใช้วลีว่า”คำตอบสุดท้าย” แต่ในความเป็นจริง เสมอเป็นเพียงการเริ่มต้นและมองหาสุดท้ายไม่เห็น
ท่วงทำนองเช่นนี้อาจเป็นท่วงทำนองทางการตลาดที่ นายมิ่ง ขวัญ แสงสุดวรรณ กำหนดเป็น”จุดขาย”ให้กับตนเอง
แต่เมือ่ประสบเข้ากับคำถามทางการเมืองที่ต้องการความหนักแน่น จริงจัง อย่างเช่นจะร่วมกับใครระหว่างด้านของการสืบทอดอำนาจและด้านของการต่อต้านการสืบทอดอำนาจ
คำถามเช่นนี้มิอาจใช้กระบวนท่า”ถอดกางเกงเพื่อที่จะผาย ลม”ได้อย่างเด็ดขาด
ถามว่าเหตุใดนับแต่ผลการเลือกตั้งอย่างไม่เป็นทางการปรากฏมา เหตุใด นายมิ่งขวัญ แสงสุ วรรณ จึงตกเป็น”เป้า”ทางการเมือง
นั่นอาจเป็นเพราะ 5 เสียงและ 3.4 แสนคะแนน
แต่ลึกยิ่งไปกว่านั้นยังเป็นเพราะผลสะเทือนจากท่วงทำนองในแบบ”ผายลมไยต้องถอดกางเกง”
จำเป็นอะไรที่จะต้องถอดกางเกงเพียงเพื่อจะผายลม