เผยแพร่ |
---|
ไม่ว่าการไปเรียงรองเท้าหลากหลายสีบริเวณหน้าหอศิลปวัฒน ธรรม กรุงเทพมหานคร ไม่ว่าการไปยืนเงียบๆโดยมีพลาสเตอร์ปิด ปาก ณ ย่านอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ
มีเป้าหมายอย่างเดียวกัน นั่นก็คือ การประท้วงและแสดงความรู้สึกที่ไม่พอใจต่อ “กกต.“
ที่หอศิลปวัฒนธรรมอาจเรียกว่า “สหบาทา”
ที่บริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยอาจมีข้อความสะท้อนการไม่เห็นด้วยที่กกต.ไปแจ้งความกล่าวโทษที่มีการล่ารายชื่อกว่า 8 แสนรายชื่อเพื่อถอดถอน”กกต.“
การแสดงออกลักษณะนี้ใช้คนไม่มาก ใช้เวลาไม่มากนัก ปรา กฎขึ้นแล้วก็หายไป
แต่ภาพที่ปรากฏกลับจำหลักอย่างหนักแน่น
ภาษาในทางศิลปะอาจจะเรียกปรากฏการณ์ที่หน้าหอศิลปวัฒน ธรรมว่าดำเนินไปในแบบ “แฮพเพ็นนิ่ง” เกิดขึ้นแล้วก็เลิกร้างหายไปอย่างรวดเร็ว
ขณะที่ปรากฏการณ์ที่บริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยอาจละม้ายเหมือนกับ “แฟลชชิ่ง”
เทียบไม่ได้เลยกับปรากฏการณ์ที่พันธมิตรประชาชนเพื่อประ ชาธิปไตยบุกเข้ายึดทำเนียบรัฐบาล เทียบไม่ได้เลยกับปรากฏการณ์ที่มวลมหาประชาชนยึดครองถนนราชดำเนิน
เพราะที่หน้าหอศิลปวัฒนธรรมก็มีเพียง 5 คนช่วยกันเรียงรองเท้า
เพราะที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตยก็มีเพียง 2 คน
ปรากฏการณ์เช่นนี้จึงมิได้อยู่ที่ “ปริมาณ” หากแต่อยู่ที่”คุณ ภาพ”และผลสะเทือน ไม่ว่าจะบนหน้าหนังสือพิมพ์ ไม่ว่าจะตามเพจต่างๆในโซเชียลมีเดีย
การทอล์ก ออฟ เดอะ ทาวน์ ผ่าน”สื่อ”ต่างหากที่สำคัญ
ต้องยอมรับว่านี่คือความต่อเนื่องจากปรากฏการณ์ชู 3 นิ้ว ต่อเนื่องจากการนั่งกินแซนด์วิช พร้อมกับอ่านนวนิยายเรื่อง 1984 ของ จอร์ช ออร์เวล
เป็นเสียงแห่ง”ความเงียบ” อันอึกทึก
เป็นกระบวนการทาง “ศิลปะ” ปรากฏผ่านเนื้อหาในทาง”การ เมือง” อันแหลมคมและสอดรับกับสถานการณ์ เป็นเอกภาพระหว่างรูปแบบกับเนื้อหา
นี่คือ การเมืองผ่านศิลปะ และศิลปะผ่านการเมือง