ไม่ว่าเสียงอันดังมาจากทำเนียบรัฐบาล ไม่ว่าเสียงอันดังมาจากกองทัพบก ไม่ว่าเสียงอันดังมาจากพรรคพลังประชารัฐ พรรครวม พลังประชาชาติไทย

สะท้อนความห่วงใยต่อ”คนรุ่นใหม่” สะท้อนบทบาทของ”โซเชียล มีเดีย”

เป็นความห่วงใยที่ว่า “คนรุ่นใหม่” กำลังถูกยุยง ปลุกปั่นด้วยข้อมูลในลักษณะบิดเบือน สร้างความเข้าใจที่ผิดพลาด คลาด เคลื่อนผ่าน “โซเชียล มีเดีย”อันถือว่าเป็นสื่อใหม่

ความห่วงใยเหล่านี้เปี่ยมด้วยความปรารถนาดี ห่วงหา อาทร อย่างลึกซึ้ง แต่ก็เป็นความปรารถนาดีในแบบของผู้อาวุโส ผู้อาบน้ำร้อนมาก่อน

มองเห็นความไร้เดียงสาอย่างยิ่งของ “คนรุ่นใหม่”

 

ปฏิกิริยาในทางสังคม”ส่วนหนึ่ง”ที่กำลังจะเข้าไปจัดการกับพรรค อนาคตใหม่ เข้าไปจัดการกับ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ นายปิยบุตร แสงกนกกุล

ก็เหมือนปฏิกิริยาที่มีต่อ”คนรุ่นใหม่”

ไม่เพียงแต่สะท้อนให้เห็นถึงความไม่เข้าใจ หากแต่ยังสะท้อนให้เห็นถึงความหวาดระแวง แคลงคลาง กังขา ในดุลพินิจและการตัดสินใจ

ควาหมายก็หมายความว่า ไม่แน่ใจว่าการตัดสินใจของ”คนรุ่นใหม่”ถูกต้องหรือไม่

เหมือนกับจะเคารพ แต่ก็ไม่ไว้วางใจ

แม้ว่าพรรคอนาคตใหม่จะได้รับเลือกเข้ามาด้วยคะแนนรวมที่มากถึงกว่า 6.2 ล้านคะแนน แต่ก็ยังไม่แน่ใจว่า 6.2 ล้านคะแนนเป็นไปอย่างมีเหตุผลหรือว่าถูกชักจูง

จึงทำท่าว่าจะเป็น 6.2 ล้านคะแนนซึ่งหลงผิดไปกับพรรคอนาคนใหม่ ไปกับ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ และไปกับ นายปิยบุตร แสงกนกกุล

      เหมือนที่”โสคราตีส”เคยทำให้”คนรุ่นใหม่”กรีกหลงผิดมาแล้ว

 

ไม่ว่าในที่สุดชะตากรรมของพรรคอนาคตใหม่จะเป็นอย่างไร ไม่ว่าในที่สุดชะตากรรมของ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ นายปิยบุตร แสงกนกกุล จะเป็นอย่างไร แต่เป็นการตัดสินใจที่สำคัญ

อย่างน้อยบทบาทในห้วงก่อนวันที่ 24 มีนาคมของพรรคอนาคตใหม่ก็ก่อให้เกิดปรากฏการณ์ที่ท้าทายในทางความคิด

บนหลักการ”อนาคต เรากำหนดเอง”