เผยแพร่ |
---|
ไม่ว่าพรรคพลังประชารัฐ ไม่ว่าพรรคประชาธิปัตย์ ไม่ว่าพรรครวมพลังประชาชาติไทย ไม่ว่าพรรคประชาชนปฏิรูป ล้วนยอมรับและจำนนต่อความเชื่อ 2 ความเชื่อ
1 ความเชื่อที่ว่าพรรคเพื่อไทยจะได้รับการเลือกตั้งเข้ามาเป็นอันดับ 1
จากเดือนธันวาคม 2561 เรื่อยมาจนบรรยากาศการหาเสียงมีความเข้มข้นเป็นอย่างสูง 2 วันก่อนถึงวันที่ 24 มีนาคม ก็ไม่มีใครไม่ยอมรับในความเชื่อนี้
แม้กระทั่งพรรคพลังประชารัฐที่ประกาศจะชิงรวบรวมเสียงจัดตั้งรัฐบาลก่อนก็เริ่มจากความเชื่อและสมมติฐานที่พรรคเพื่อไทยจะมาเป็นอันดับ 1
ขณะเดียวกัน 1 คือการยอมรับในกระแสพรรคอนาคตใหม่
การยอมรับสถานะที่ 1 ของพรรคเพื่อไทยเป็นการยอมรับบนฐาน ข้อมูลที่ว่า พรรคเพื่อไทยคืออวตารแห่งพรรคพลังประชาชน คืออวตารแห่งพรรคไทยรักไทย
เพราะพรรคไทยรักไทยคือแชมป์ในการเลือกตั้งปี 2544 คือ แชมป์ในการเลือกตั้งปี 2548
เพราะพรรคพลังประชาชนคือแชมป์ในการเลือกตั้งปี 2544
ชัยชนะของพรรคไทยรักไทย พรรคพลังประชาชนจึงต่อเนื่อง มายังพรรคเพื่อไทยในปี 2554
แต่การก่อเกิดกระแส”อนาคตใหม่”คือปรากฏการณ์ใหม่
1 สะท้อนภาวะอึดอัดของ”นิวโหวตเตอร์”ที่ตกอยู่ในทศวรรษ แห่งความสูญเสียจากรัฐประหารเมื่อเดือนกันยายน 2549
1 สะท้อนภาวะอึดอัดและความไม่พอใจที่สะสมหมักหมมมาอย่างยาวนานจากรัฐประหารเมื่อเดือนกันยายน 2549 มายังรัฐประหารเมื่อเดือนพฤษภาคม 2557
การเกิดขึ้นของพรรคอนาคตใหม่จึงสอดรับกับสถานการณ์และความเป็นจริงทางการเมืองในรอบ 10 กว่าปี
ความน่าสนใจเป็นอย่างสูงก็คือ ทิศทางการเมืองทำให้พรรคเพื่อ ไทยกับพรรคอนาคตใหม่กลายเป็นพันธมิตรทางการเมืองโดยอัตโนมัติและโดยธรรมชาติ
เป็นธรรมชาติของการเมือง เป็นธรรมชาติของสังคม
นี่เป็นบทสรุปที่พรรคพลังประชารัฐ พรรคประชาธิปัตย์ พรรค รวมพลังประชาชาติ ไม่ได้คิดมาก่อน
เป็นการประสานระหว่างพรรคเพื่อไทยกับพรรคอนาคตใหม่