เผยแพร่ |
---|
การกำหนดตัวบุคคลลงใน ส.ส.บัญชีรายชื่อของแต่ละพรรคมีผลสะเทือนเป็นอย่างสูงในทางการเมือง
มิเช่นนั้น “กลิ่น”คงไม่โชยมาจาก”พลังประชารัฐ”
บางคนอาจสงสัยว่าทำไมการจะให้ นายณัฎฐพล ทีปสุวรรณ หรือ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ เป็นหมายเลข 1 หรือหมายเลข 2 สำ คัญอย่างไร
สำคัญอย่างยิ่ง
สำคัญเหมือนกับการจะให้ นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ หรือ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน เป็นหมายเลข 3 หรือหมายเลข 4
กล่าวสำหรับ “นักการเมือง” แล้วมี “ความหมาย”
พูดตามสำนวนอีสานก็ต้องว่า อันดับของหมายเลขบ่งบอกให้ประจักษ์ว่า “ไผเป็นไผ”
ชาวบ้านอาจจะรับรู้การเคลื่อนไหวของ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ กับ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน ผ่าน”กลุ่มสามมิตร”
ไม่ว่าจะกลางรีสอร์ทดังจังหวัดเลย
ไม่ว่าจะกลางงานเลี้ยงอย่างมหึมามโหฬารในกอล์ฟเฮาส์ดังจังหวัดปทุมธานี
เห็นความคึกคักของ”สามมิตรสัญจร”
เห็นการแต่งตั้ง นายสมศักดิ์ เทพสุทิน เป็นประธานคณะกรรมการเฉพาะกิจรณรงค์หาเสียง เห็นการแต่งตั้ง นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รับผิดชอบพื้นที่ภาคอีสาน
กระทั่งมองข้ามบทบาทซึมลึกของทั้ง นายณัฎฐพล ทีปสุวรรณ และ นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ ในทำเนียบรัฐบาล
ทำงานใกล้ชิดไม่เพียงแต่ นายอุตตม สาวนายน หากยังใกล้ชิดกับ นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ หรือแม้กระทั่ง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
พลันที่หมายเลข 1 เป็นของ นายณัฎฐพล ทีปสุวรรณ หรือ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ ก็ต้องร้องอ๋อ
การร้องอ๋อในที่นี้มิใช่เพราะว่าเป็นชื่อ นายณัฎฐพล ทีปสุวรรณ หรือ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ อย่างเดียว
หากอ๋อในด้านที่ว่าใครเป็น “เนื้อใน” และ “แก่นแท้”
แน่นอน ความหมายก็หมายความว่าเป็นเนื้อในตั้งแต่ยังอยู่ใน”กปปส.” และโยงยาวมายัง “รัฐประหาร”
มิใช่ “มาทีหลัง” แล้ว”ดังกว่า”อย่างที่คิดเพ้อเออเอง