เผยแพร่ |
---|
กรณีอันเกิดขึ้นต่อผู้สมัครส.ส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ กรณีอัน เกิดขึ้นต่อผู้สมัครส.ส.สุพรรณบุรี พรรคชาติไทยพัฒนา ดำเนินไป เช่นเดียวกับที่เกิดขึ้นในพรรคอนาคตใหม่
เพียงแต่กรณีของพรรคอนาคตใหม่เกิดขึ้นโดยมิได้มาจากนัก การเมืองซึ่งมีชื่อเสียง
หากเป็น”คนหน้าใหม่” ตามแบบฉบับ”อนาคตใหม่”
ขณะที่กรณีของสงขลามีชื่อของ นายเจือ ราชสีห์ ซึ่งเคยเป็นอดีตส.ส.มาหลายสมัย ขณะที่กรณีของสุพรรณบุรีมีชื่อของ นาย จองชัย เที่ยงธรรม ซึ่งเคยเป็นอดีตส.ส.มาหลายสมัย
แต่ในที่สุดแล้วก็เป็นกรณีที่แทบไม่ต่างไปจากกรณีของพรรค อนาคตใหม่
คือ การจัดสรรผู้สมัครที่ไม่ลงตัว ไม่เป็นเอกภาพ
ถามว่าต่อกรณีของพรรคประชาธิปัตย์ ต่อกรณีของพรรคชาติไทย พัฒนา เหตุใดสังคมจึงมองอย่างเข้าใจ ปฏิกริยาที่เกิดขึ้นจึงแตกต่างไปจากกรณีของพรรคอนาคตใหม่
คำตอบมาจาก 2 เหตุปัจจัยประสานเข้าด้วยกัน
1 กรณีของพรรคประชาธิปัตย์เมื่อปรากฏรายชื่อใหม่ เก่า ปรากฏคนที่อยู่ข้างหลังก็อ่านเกมออกว่าเป็นความขัดแย้งที่เนื่องมาแต่การต่อสู้ในตำแหน่งหัวหน้าพรรค
กรณีของพรรคชาติไทยเมื่อปรากฏรายชื่อคู่กรณีก็สัมผัสได้ถึงกลิ่นอายที่แทบไม่แตกต่างไปจากกรณีของ”ปริศนานันทกุล”
1 กรณีของพรรคอนาคตใหม่แตกต่างออกไปเนื่องจาก 2 เหตุปัจจัย นั่นก็คือ การคาดหวังที่ค่อนข้างสูงจากภายในและบรรดากองเชียร์นอกพรรค
ขณะเดียวกัน เมื่อเกิดเรื่องขึ้นอาการ”เขม่น”จากนอกพรรคจึงรับลูกและนำไปขยายให้กลายเป็นเรื่องใหญ่
กระทั่งสรุปว่า “อนาคตใหม่”กลายเป็น”อนาคตหมด”
ปัจจัยจาก”ภายนอก”ที่หวาดกลัวการเติบใหญ่ของพรรคอนา คนใหม่นั่นเองที่มีการส่วนในการกระพือฮือโหม
ไม่ว่ากรณีของพรรคอนาคตใหม่ ไม่ว่ากรณีของพรรคประชาธิปัตย์ ไม่ว่ากรณีของพรรคชาติไทยพัฒนา
ในที่สุดก็จะค่อยปรับและลงร่องลงรอย
พรรคประชาธิปัตย์อาจซับซ้อน พรรคชาติไทยพัฒนาก็เป็นแม่น้ำแยกสายโดยมีพรรคภูมิใจไทยเป็นที่พักพิงชั่วคราว
พรรคอนาคตใหม่ก็จะเดินหน้าไปสู่”อนาคต”ต่อไป