แม้จะเคยหงุดหงิดกับ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ แม้จะเคยหงุดหงิดกับ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน แต่ก็ต้องยอมรับว่ามีบางเรื่อง บางเหตุ การณ์ที่ 2 คนนี้สร้างคุณูปการเป็นอย่างสูง

โดยเฉพาะเมื่อ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ออกมาสรุปผลจากปฏิบัติการ”เดินคารวะแผ่นดิน”

ได้ยินเสียงสะท้อนจาก “มวลมหาประชาชน”ในเรื่องเศรษฐกิจ ชีวิตความเป็นอยู่ในห้วง 4-5 ปีที่ผ่านมาด้วยคำสั้น กระชับอย่างยิ่งว่า

“สาหัส”

นี่ย่อมเป็นบทสรุปที่รวบรัด ตรงเป้าที่สุดต่อผลงานทางด้าน เศรษฐกิจของคสช.และของรัฐบาลนับแต่รัฐประหารเป็นต้นมา

ยอดเยี่ยมถึงขั้นต้องคารวะหลายๆจอก

 

ขณะเดียวกัน การสรุปของ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน ในบรรยากาศ แห่งชัยชนะ บรรยากาศแห่งความชื่นมื่นของพรรคพลังประชารัฐ ณ โรงแรมแชงกรี-ลา เมื่อเดือนพฤศจิกายนที่ว่า

“รัฐธรรมนูญฉบับนี้ DESIGN มาเพื่อพวกเรา”

ท่ามกลางเสียงชโย โห่ร้อง ขานรับของทั้ง นายอุตตม สาวนายน นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ นายสุวิทย์ เมษินทรีย์  นายกอบ ศักดิ์ ภูจินดา

ถือได้ว่าเป็นบทสรุปอันยอดเยี่ยมเป็นอย่างยิ่งต่อ”รัฐธรรมนูญ” ที่  “แม่น้ำ 5 สาย” ถวายใส่พานให้

อย่างน้อยเสียงชโย โห่ร้อง ก็เท่ากับว่า”เห็นชอบ”ด้วย

อย่างน้อยเสียงชโย โห่ร้อง ก็เท่ากับว่ามั่นใจในชัยชนะจาก การเลือกตั้งในเดือนกุมภาพันธ์ 2562 อย่างแน่นอน

มิเช่นนั้นคงไม่มีคำประกาศ “พรรคพลังประชารัฐจะกวาด 350 ส.ส.” ดังกึกก้อง จากโรงแรมแชงกรี-ลา ไปทั้งในและต่างประเทศ

อย่าได้แปลกใจหากจะปรากฏรอยยิ้มอย่างอิ่มเอมใจมาจาก ภายในทำเนียบรัฐบาล

 

บทสรุปของ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ที่ว่าชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชน”สาหัส” ถือได้ว่าเป็นการสรุปในทางเศรษฐกิจ

ขณะที่บทสรุปของ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน เน้น การเมือง

เพราะเรื่องของ”รัฐธรรมนูญฉบับนี้ DESIGN มาเพื่อพวกเรา” เด่นชัดว่าพุ่งเป้าไปที่การเลือกตั้ง

1 มาจาก”รวมพลังประชาชาติไทย” 1 มาจาก”พลังประชารัฐ”