ถามว่าทำไม ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง จึงเอ่ยปากขอบคุณที่พรรคพลังประชารัฐมีมติแต่งตั้งให้ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน เป็นประธาน คณะกรรมการเฉพาะกิจรณรงค์หาเสียงทั่วประเทศ

เพราะ 2 คนนี้เป็นนักการเมืองที่เติบใหญ่จากยุค พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ มายังยุค พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ด้วยกัน

จึงต้องแสดงความยินดีกับความสำเร็จ

1 ความสำเร็จของพรรคพลังประชารัฐ 1 ความสำเร็จของ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน

เหมือนกับใช่ แต่ความจริงไม่ใช่

เพราะเมื่อเห็นบทบาทที่ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน ได้รับประสานกับบทบาทที่ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ ได้รับในภาคอีสาน ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ก็รู้ว่าผลจะออกมาเป็นอย่างไร

 

คนในพรรคเพื่อไทยรู้ดีต่อบทบาทของ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน และ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ เมื่อครั้งอยู่ด้วยกันในพรรคไทยรักไทย

ยิ่ง คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ยิ่งรู้ดีที่สุด

เพราะ คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ คนนี้เองที่เข้าไปดำรงตำแหน่งเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เมื่อมีการปลด นายสมศักดิ์ เทพสุทิน ออก

รู้ดีเพราะได้เห็น “น้ำตา” ของ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน

เป็นน้ำตาอันมีพื้นฐานมาจากอะไรมีหรือที่นักการเมืองระดับ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง จะไม่รู้ ย่อมสัมผัสได้ถึง “กึ๋น” นายสมศักดิ์ เทพสุทิน ครบถ้วน

ยิ่งเมื่อได้ฟังคำพูดที่ว่า “รัฐธรรมนูญฉบับนี้ DESIGN มาเพื่อพวกเรา” ประสานกับการให้เหตุผลว่าการสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรี มิได้เป็นการสืบทอดอำนาจ

ยิ่งชอบใจและเอ่ยปาก “ขอบคุณ”ต่อพรรคพลังประชารัฐด้วยความเต็มอกเต็มใจ

เพราะรู้ว่า”ผล”ที่ตามมาจะเป็นอย่างไร

 

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ อาจประทับใจต่อบทบาทของ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ เป็นอย่างสูง

รวมถึง 4 รัฐมนตรีที่ยกย่องตัวเองเป็น “4 ยอดกุมาร”

แต่คนที่นั่งมองจากพรรคเพื่อไทยรู้ดีกว่าและรู้ดีที่สุด