| เผยแพร่ |
|---|
เหมือนกับกรณีที่ นายถาวร เสนเนียม เปิดบ้านต้อนรับ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ จะสะท้อน”รอยแยก”เล็กๆในความเห็นซึ่ง แตกต่างกันอันดำรงอยู่ภายในพรรคประชาธิปัตย์
เพราะ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ก็มิได้เป็นคนอื่นไกล
มองจากมุมของ นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม การตัดสินใจของ นายถาวร เสนเนียม จึงเป็นเรื่องธรรมดาอย่างยิ่ง
เป็นประเพณีไทยแท้แต่โบราณ ใครมาถึงเรือนชานก็ต้อนรับ
ดังคำยืนยันที่ว่า หาก นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เดินทางไปยัง พิษณุโลก ก็พร้อมเปิดบ้านต้อนรับเช่นเดียวกับ นายถาวร เสนเนียม
หากมองในทางความสัมพันธ์ส่วนตัวก็น่าจะเป็นเช่นนั้น
กระนั้น ที่กรณีของสงขลากลายเป็นความซีเรียสเครียดเคร่งจนถึงขั้นต้องมีการจัดตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงขึ้น
1 เพราะ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ได้กลายเป็น”อื่น”ไปแล้ว
นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ไม่เพียงแต่มิได้เป็นเลขาธิการพรรค ประชาธิปัตย์ หากแต่ได้พ้นไปจากสมาชิกภาพแห่งพรรคประชาธิปัตย์แล้ว
ทั้งปฏิบัติการ”เดินคารวะแผ่นดิน”ยังเป็นโครงการของพรรค รวมพลังประชาชาติไทย
นี่ย่อมมิได้เป็นกิจของพรรคประชาธิปัตย์อย่างเด่นชัด
1 มีข่าวออกมาว่าไม่เพียงแต่ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ จะใช้สถานที่อันเป็นของพรรคประชาธิปัตย์เปิดรับสมาชิกให้กับพรรครวมพลังประชาชาติไทย
หากแต่ยังมีการกล่าวคำปราศรัยพาดพิงถึงพรรคประชาธิปัตย์ และคนของพรรคประชาธิปัตย์อีกด้วย
พูดตามสำนวนโบราณก็คือ ไม่เพียงแต่มาจับปลาในบ่อเพื่อน หากแต่ยังเข้ากับพังเพยที่ว่า กินบนเรือน ขี้รดหลังคาอีกด้วย
วิถีดำเนินตามแผนปฏิบัติการ“เดินคารวะแผ่นดิน”ที่สงขลาของ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ และพรรครวมพลังประชาชาติไทยจึงไม่เป็นไปอย่างปกติธรรมดา
นี่ย่อมเป็นเรื่องที่พรรคประชาธิปัตย์โดย นายอภิสิทธิ์ เวชชา ชีวะ มิอาจนิ่งนอนใจได้
แม้จะเผย“รอยร้าว“ออกมาให้เป็นที่“ปรากฏ“ก็ต้องทำ
