E-DUANG : ถึงแม้ ประวัติศาสตร์ จะยัง”ซ้ำรอย” มวลมหา ประชาชน ก็ไม่เหมือนเดิม

พลันที่เห็นภาพของ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ พา ม.ร.ว.จตุมงคล โสณกุล นายสำราญ รอดเพชร นายประสาร มฤคพิทักษ์ นายสุริยะใส กตะศิลา ปฏิบัติการ”เดินคารวะแผ่นดิน”

บรรดาคนที่เคยเป่า “นกหวีด” ร่วมอยู่ใน “มวลมหาประชาชน” ก็บังเกิดความระลึกชาติ

ยิ่งเป็นการเดินในลักษณะอันเป็นการทำซ้ำ

ไม่ว่าจะเป็นที่ปากคลองตลาด วรจักร เยาวราช ประตูน้ำ ราชประสงค์ ราชดำนิ สีลม สาทร เจริญกรุง

ยิ่งทำให้บรรยากาศอย่างที่เคยเกิดในห้วงนับแต่เดือนมกรา คม ก่อนรัฐประหารเมื่อเดือนพฤษภาคม 2557 ได้หวนคืนมา

ทำให้วลีที่ว่า “ประวัติศาสตร์ซ้ำรอย” ได้ลุกโพลง สว่างไสว

 

ความเคยชินประการหนึ่งต่อคำว่า “ประวัติศาสตร์ซ้ำรอย”คือความเคยชินที่จะเห็นภาพซ้ำแล้ว ซ้ำอีก

เหมาะอย่างยิ่งที่จะหวนคืน และฟื้น “อดีต”

แต่ทันทีที่ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ สวมรองเท้าคู่เก่าและย่ำซ้ำไปกับรอยเดิม ตัวของ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ก็จะตระหนักได้ เป็นอย่างดีว่า

แม้จะย่ำซำรอยเดิม แต่ทุกอย่างก็”ไม่เหมือนเดิม”

เพราะกลับพบกับความเฉยเมย แม้ว่าเมื่อ 5 ปีก่อนจะเคยให้ความร่วมมืออย่างดียิ่ง แต่มาครานี้พวกเขากลับยืนกอดอกทอดตามองด้วยความเย็นชา

ยิ่งกว่านั้น บางคนที่เคยถูกบีบคอหอยสกัดมิให้ไปหย่อนบัตรเลือกตั้งในเดือนกุมภาพันธ์ 2557

กลับยืนถือป้าย LIAR LIAR ต่อหน้า

บางคนที่ถึงกับต้องปีนรั้วเข้าคูหาเลือกตั้งก็ออกมาบ่นด้วยน้ำเสียงอันดังว่า “กินข้าวนะไม่ได้กินหญ้า”

ประวัติศาสตร์อาจ”ซ้ำรอย” แต่ก็มี”พัฒนาการ”

 

ไม่ว่าจะมองด้วยมุมแห่ง “อิทัปปจยตา” ไม่ว่าจะมองด้วยมุมแห่ง

“วิภาษวิธี” ไม่มีอะไรที่ดำรงคงอยู่”เหมือนเดิม”

ไม่ว่าจะเป็นสิ่งมีชีวิต ไม่ว่าจะเป็นสิ่งไม่มีชีวิต ล้วนอยู่ภายใต้กฎแห่งอนิจจัง ไม่เที่ยงแท้ ไม่แน่นอน ดำรงอยู่ภายใต้กฎแห่งการแปรเปลี่ยน เสื่อมสลาย

แม้กระทั่งคนชื่อ สุเทพ เทือกสุบรรณ ก็ตาม