เผยแพร่ |
---|
บรรดา “ดร.”แห่งพรรคพลังประชารัฐ พรรครวมพลังประชาชาติไทย จะใช้คำหะรูหะราอย่างไรก็ได้ที่จะสะท้อนภาพแห่งการเมือง 4.0 ออกมา
แต่ความเป็นจริงที่ “ชาวบ้าน”สัมผัสร่วมกัน
ไม่ว่าการห้ามพรรคการเมืองทำกิจกรรมทางการเมือง ไม่ว่า การห้ามการจัดงานระดมทุน
ยิ่งในเรื่องของ “โซเชียล มีเดีย” ยิ่งละเอียดอ่อน
ความคิดที่จะเปิดหน้าร้านผ่านการซื้อขายในระบบ E ทั้งหลายอาจเป็นเรื่องคึกคักอย่างยิ่งในสังคมที่เต็มเปี่ยมแห่งยุค 4.0 และพร้อมทะยานไปยัง 5.0
แต่กับสังคมการเมืองไทยกลับกลายเป็น “ต้องห้าม”
สังคมไทยเคยเข้าสู่ยุคแห่งการเปลี่ยนผ่านอย่างสำคัญในทางการเมืองจากผลสะเทือนของรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2540
นั่นก็คือ การเสนอตัวเข้ามาของ “พรรคไทยรักไทย”
จุดตัดอย่างมีนัยสำคัญในทางการเมืองก็คือ เมื่อได้ชัยชนะ จากการเลือกตั้งเมื่อเดือนมกราคม 2544 พรรคไทยรักไทยได้แปร นามธรรมแห่ง”นโยบาย” ไปสู่รูปธรรมทาง”การปฏิบัติ”ที่เป็นจริง
ทำให้พรรคไทยรักไทยแตกต่างไปจากพรรคการเมืองอื่นอย่างสิ้นเชิง
จุดแบ่งก็คือ “พูดแล้วทำ”
ความสำเร็จของพรรคไทยรักไทยทำให้คำว่า “ประชาธิปไตย” ที่กินได้มีความหมาย
ทำให้พรรคประเภท”ดีแต่พูด”พ่ายแพ้อย่างต่อเนื่อง
จากรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2540 มายังรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2550 ก็ได้เกิดการแปรเปลี่ยนในลักษณะถอยหลัง ยิ่งมาถึงรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2560 ยิ่งถอยหลัง
เป็นการถอยหลังในขณะที่มีการพร่ำพูดเรื่อง ไทยแลนด์ 4.0 ทั้งๆที่การเมืองยังอยู่ในยุค 0.4
และสัมผัสได้ในการเลือกตั้งเดือนกุมภาพันธ์ 2562
ไม่ว่าจะมีความพยายามรั้งดึงและลากสังคมไทยให้ถอยกลับหลังไปไกลมากเพียงใด แต่ก็มีพรรคการเมืองส่วนหนึ่งไม่สยบ
คำประกาศของพวกเขาก็คือ เขาจะต่อสู้เพื่อเอาชนะคสช.ภายใต้กฎเกณฑ์ที่คสช.กำหนด
นี่คือ เดิมพันการเมืองครั้งสำคัญ ณ เบื้องหน้าประชาชน