E-DUANG : สถานะ แปรเปลี่ยน พลิกผัน “ประชาธิปัตย์” ไม่เหมือนเดิม

ชะตากรรมอันพรรคประชาธิปัตย์กำลังประสบในกรณีมีแรงดันให้ นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม เข้ามาชิงตำแหน่งหัวหน้าพรรคกับ นายอภิ สิทธิ์ เวชชาชีวะ ในขณะนี้

มากับจุดแข็งของพรรคประชาธิปัตย์ที่ว่ามีประชาธิปไตยอยู่ ภายในพรรค

แต่ภายในการเบียดแทรกเข้ามาได้แฝงซ่อนความอำมหิต โหดเหี้ยม เข้ามาอย่างไม่ปิดบังอำพราง เนื่องจากเป้าหมายแท้จริงอยู่กับการแย่งยึดพรรค

แย่งยึดแล้วแปรเปลี่ยนทิศทางของพรรคจากที่เคยชูธง 2 ผืน คือ 1 ผืนต่อต้านนายกรัฐมนตรีคนนอก และ 1 ต่อต้านระบอบทักษิณ

ให้เหลือเพียง 1 ผืน

 

การต่อสู้ภายในพรรคประชาธิปัตย์นับจากวินาทีนี้เป็นต้นไปจึงมิได้เป็นการต่อสู้อย่างธรรมดา

หากแต่เป็นการต่อสู้ 2 แนวทาง

แนวทาง 1 เป็นของ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ แนวทาง 1 เป็น ของ นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม

เหมือนกับจะเป็น “สงครามตัวแทน”

เพราะว่าคนที่ยืนอยู่ข้างหลัง นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็น นายชวน หลีกภัย อันถือได้ว่าเป็น “เทพเจ้า” ซึ่งดำรงอยู่อย่างโดด เด่นภายในพรรคประชาธิปัตย์

เพราะว่าคนที่รุนหลัง นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม เป็นใครและเคยมีบทบาทอย่างไร ไม่มีใครในพรรคประชาธิปัตย์จะไม่รู้

คล้ายกับว่า หากตำแหน่งหัวหน้าพรรคยังเป็นของ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อยู่จะหมายถึงแนวทางที่ไม่เปลี่ยน เพราะคน ที่ต้องการเปลี่ยนคือ นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ต่างหาก

แต่ไม่ว่าใครจะชนะ พรรคประชาธิปัตย์ก็ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไปแล้ว

 

หาก นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม ชนะนั่นหมายถึงประชาธิปัตย์อาจต้องมีคำว่า “พลัง”มานำหน้า

เหมือนพลังประชารัฐ เหมือนรวมพลังประชาชาติไทย

หาก นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ชนะการดำรงอยู่ของพรรคประชาธิปัตย์ก็ไม่ต่างไปจากบนซากปรักหักพังจากฝีมือและความต้องการของใครแทบมิได้เป็นความลี้ลับอะไรเลย

นับแต่นั้นพรรคประชาธิปัตย์จะต้อง”ปรับตัว”ครั้งใหญ่