หากระบบ “ไพรมารี โหวต” อันกำหนดไว้ในกฎ กติกา แห่งการเลือกตั้ง เป็นอาวุธ

อาวุธนี้ก็ดำเนินไปในลักษณะ “2 คม”

เป้าหมายเดิมของผู้มีส่วนยกร่างจาก “แม่น้ำ 5 สาย”อาจต้องการ

สร้างเครื่องกีดขวางให้กับพรรคการเมือง โดยเฉพาะอย่างยิ่งพรรคการ เมืองเดิม

โดยอาศัย “ประชาชน” มาเป็นเครื่องมือในการควบคุม “พรรคการ เมือง”

ปัจจัยจาก “ประชาชน” นี่แหละสำคัญ

เพราะไม่เพียงแต่จะนำไปสู่การควบคุมทิศทาง แนวทางของพรรค การเมือง หากแต่ยังย้อนกลับไปควบคุมคนของ”แม่น้ำ 5 สาย”ด้วย

หากต้องการลงไปภายในกระบวนการ”เลือกตั้ง”

 

ถามว่าเหตุใดการแปร “นามธรรม”แห่งระบบไพรมารี โหวต ไปสู่”รูปธรรม”ทางการปฏิบัติที่เป็นจริงจึงยุ่งยาก สลับซับซ้อน

คำตอบ เพราะฤทธานุภาพแห่ง”ดาบ”

หากติดตามเรื่องนี้อย่างต่อเนื่อง ปัญหานี้มิได้มาจาก”พรรคการ เมือง”

แต่ความยุ่งยากเนื่องจาก “คสช.”

ปัจจัยอะไรทำให้พรรคการเมืองไม่สามารถเคลื่อนไหวได้ทั้งๆที่ พรป.ว่าด้วยพรรคการเมือง ประกาศและบังคับใช้มาตั้งแต่เมื่อเดือนตุลาคม 2560

คำตอบ 1 เพราะว่า “คสช.”ไม่ยอม”ปลดล็อก”

ไม่เพียงแต่ไม่ยอมปลดล็อกจากประกาศคสช.ฉบับที่ 57/2557 และคำสั่งหัวหน้าคสช.ฉบับที่ 3/2558

หากยังออกคำสั่งหัวหน้าคสช.ฉบับที่ 53/2560 ออกมาอีก

ความไม่พร้อมของ”คสช.”นั้นเองทำให้ระบบ”ไพรมารี โหวต”อาจ ต้องบิดเบี้ยว ไม่เป็นไปตามที่บัญญัติไว้

คมของดาบกำลังแปรเป็น”บุมเมอแรง”ทางการเมือง

 

กรณีของระบบ“ไพรมารี โหวต”เป็นเพียงตัวอย่าง 1 ภายในรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2560 ยังมีอีกหลายบทบัญญัติที่อาจไม่เป็นไปตามความปรารถนาที่วางเอาไว้

ไม่ว่าโดยระบบการได้มาซึ่ง ส.ว. ไม่ว่าโดยระบบการลงคะแนนเสียงเลือกตั้ง ส.ส.

ความยุ่งยากจะบังเกิดทั้ง”ก่อน”และ”หลัง”เลือกตั้ง

เลือกตั้งก็ยากอยู่แล้ว การจัดตั้งรัฐบาลหลังเลือกตั้งยิ่งจะยุ่งยากมากยิ่งกว่า