เผยแพร่ |
---|
การนำเอาบทเรียนของ”สามก๊ก”ในตอนปลายราชวงศ์ฮั่นของจีนอุปมาเข้ากับสถานการณ์การเมืองไทยในยุคคสช.คมคายอย่างยิ่ง
1 คือ ก๊กคสช. 1 คือก๊กเพื่อไทย และ 1 คือก๊กประชาธิปัตย์
ถามว่าแล้วพรรคการเมืองอย่าง พรรคภูมิใจไทย พรรคชาติ ไทยพัฒนา พรรคชาติพัฒนา ซึ่งเป็นพรรคเก่า กับ พรรคพลังประชารัฐ พรรครวมพลังประชาชาติไทย เป็นต้น
จะจัดให้เข้าอยู่กับ”ก๊ก”ใด
หรือประเมินว่าพรรคพลังประชารัฐ พรรครวมพลังประชา ชาติไทย น่าจะเอนไปทาง”ก๊กคสช.” ขณะที่พรรคภูมิใจไทย พรรคชาติไทยพัฒนา พรรคชาติพัฒนา พร้อมกับจะเป็นฝ่ายใดก็ได้ที่เป็นรัฐบาล
ถามว่าแล้ว”ก๊กประชาธิปัตย์”ต่างอะไร
คำตอบจากพรรคประชาธิปัตย์อาจอยู่ที่ 1 ไม่เห็นด้วยกับกับนายก รัฐมนตรี “คนนอก” และ 1 ไม่เห็นด้วยกับพรรคเพื่อไทยซึ่งสืบทอดสิ่งที่เรียกว่า “ระบอบทักษิณ”
ถามว่าแล้ว”ก๊กประชาธิปัตย์”จะจัดวางน้ำหนักตนเองอย่างไร
ระหว่าง “คสช.” กับ “เพื่อไทย”
ในเมื่อแนวทางของพรรคเพื่อไทยค่อนข้างแจ่มชัดว่ามุ่งไปในด้านที่เป็น “ฝ่ายค้าน”มากกว่า เพราะรู้อยู่ว่ากฎกติกาให้โอกาสกับ “คสช.”มากกว่าพรรคและฝ่ายอื่น
เมื่อพรรคเพื่อไทยมั่นใจว่าไม่ได้เป็นรัฐบาลแล้วทำไมพรรคประชาธิปัตย์ต้องต่อต้าน
หรือพรรคประชาธิปัตย์เชื่อว่าพรรคเพื่อไทยจะต้องชนะ
การค้านพรรคเพื่อไทยนั่นจะมิหมายความว่าพรรคประชาธิปัตย์สร้างเงื่อนไขให้เป็นผลดีกับ”ก๊กคสช.”หรอกหรือ
เท่ากับกลายเป็น”แนวร่วม”ให้กับ”ก๊กคสช.”โดยอัตโนมัติ
บทเรียนจาก“สามก๊ก” คือ บทเรียนของการสร้างพันธมิตรระหว่างก๊กง่อกับก๊กจก
นี่คือหลักการที่”โลซก”เสนอต่อ”ซุนกวน”
นี่คือหลักการที่”ขงเบ้ง”เสนอต่อ”เล่าปี่”
ขณะเดียวกัน ก๊กวุยภายใต้การนำของ”โจโฉ”ก็พยายามอย่างเต็มกำลังที่จะทลายพันธมิตรในแนวร่วมง่อ+จกนี้
“สามก๊ก”ของไทยจึงอาจไม่เหมือน”สามก๊ก”ของจีน