เผยแพร่ |
---|
ทำไมน้ำเสียงและสายตาที่ทอดมองไปยังขบวนการต่อต้านของ
“สนช.”ต่อ”ผู้ตรวจการเลือกตั้ง”
จึงมิได้สะท้อนความชมชอบ
ทั้งๆที่ความพยายามในการแก้ไขพรป.ว่าด้วยคณะกรรมการ การเลือกตั้ง(กกต.)ของสนช.มาพร้อมกับข้ออ้างว่าเปี่ยมด้วยความปรารถนาดี
แต่กระแสโต้กลับไม่ว่าจะมาจาก “กกต.” ชุดเก่า ไม่ว่าจะมาจากนักการเมืองร้อนแรงอย่างยิ่ง
เพราะมาจาก”สายตา”ที่มองอย่างไม่ไว้วางใจ
ความรู้สึก”ร่วม”ของสังคมก็คือ มองเห็นว่าเป็นลักษณะของการพยายามยื้อ ถ่วง หน่วง “การเลือกตั้ง”
“สนช.”กำลังเล่นบทรั้งดึงการขับเคลื่อนทางการเมือง
ความรู้สึกที่มองว่า “สนช.” กำลังเป็นอุปสรรค ขวางมิให้โรดแมปการเลือกตั้งเดินหน้าไปได้ด้วยความราบรื่น
เป็นความรู้สึกที่เหลือเชื่อ
เหลือเชื่อท่ามกลางการทำ”การตลาด”ถึงระดับที่เรียกร้องให้เส้นทางการเป็นนายกรัฐมนตรีของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ดำเนินไปในกระสวนเดียวกันกับของ สี เจิ้น ผิง
นั่นก็คือ เป็นนายกรัฐมนตรี”ตลอดชีพ”
หรือว่า ยิ่งยื้ด ถ่วง หน่วง โรดแมป”การเลือกตั้ง”ให้เนิ่นยาวไปได้มากเพียงใด นั่นหมายถึงโอกาสของการดำรงอยู่ในอำนาจของคสช.และของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ยิ่งใกล้กับความเป็น “ตลอดชีพ”มากเพียงนั้น
แต่คำถามที่เสนอเข้ามาก็คือ นี่คือภาระธุระของ “สนช.”ในฐานะอันเป็น 1 ใน “แม่น้ำ 5 สาย” หรือ
คำตอบของคำถามนี้เห็นได้จาก”พฤติการณ์”
โดยเฉพาะในกรณีคัดค้านต่อต้าน”ผู้ตรวจการเลือกตั้ง”
บทบาทของ “สนช.” นับแต่หลังรัฐประหารเมื่อเดือนพฤษภาคม 2557 เป็นต้นมา กำลังเป็นโรงเรียนการเมืองสอนให้ประชาชนได้ตระหนัก
“รัฐสภา” ที่มีฐานจาก”การเลือกตั้ง” แตกต่างจาก”รัฐสภา”ที่มาจาก”การลากตั้ง”อย่างไร
ในที่สุดก็คือ “ประชาธิปไตย”ต่างจาก”เผด็จการ”
ยิ่งบทบาท”สนช.”เข้มข้น ยิ่งเป็น”ครูด้านกลับ”อันยอดเยี่ยม