เผยแพร่ |
---|
สนามหลวงอยู่ระหว่างพระบรมมหาราชวัง (วังหลวง) กับพระราชวังบวรสถานมงคล (วังหน้า) มีมาแต่แรกสถาปนากรุงรัตนโกสินทร์ในแผ่นดิน ร.1
เป็นบริเวณที่โล่งจัดไว้อย่างเดียวกับสนามหน้าจักรวรรดิของพระนครศรีอยุธยา ใช้เป็นที่สร้างพระเมรุมาศถวายพระเพลิงพระบรมศพพระเจ้าแผ่นดินและพระราชวงศ์ชั้นสูง ซึ่งคนสมัยก่อนเรียกว่า “ทุ่งพระเมรุ”
ต่อมา ร.4 โปรดให้เรียก “ท้องสนามหลวง” เนื้อที่เดิมมีอยู่เพียงครึ่งเดียวของสนามหลวงปัจจุบัน
เมื่อยกเลิกวังหน้าในแผ่นดิน ร.5 ได้ขยายเนื้อที่ออกไปอีกครึ่งหนึ่งแล้วแต่งเป็นรูปไข่และปลูกต้นมะขาม 2 แถวโดยรอบ (อย่างที่เห็นอยู่ในปัจจุบัน)
จับกบทุ่งพระเมรุ
ถ้าไม่มีงานพระเมรุก็ปล่อยเป็นที่รกร้างว่างเปล่าราวหนองบึงที่ชุมนุมของสารพัดสัตว์เลื้อยคลาน เป็นอาหารของไพร่บ้านพลเมืองที่ถูกเกณฑ์จากสงคราม ดังมีในเนื้อร้องเพลงลาวแพน (เวียงจันท์) น่าจะแต่งในสมัย ร.5
เพลงลาวแพนมีคำร้องแรกสุด 2 ชุด มีเนื้อความต่างกัน เรียกลาวแพน (พระลอ) ประกอบละครเรื่องพระลอ กับลาวแพน (เวียงจันท์) พรรณนาเหตุการณ์สงครามตีได้เวียงจันท์ (แล้วเผาทิ้ง) สมัย ร.3
ลาวแพน (เวียงจันท์) พรรณนาเชลยลาวถูกไทยกวาดต้อนจากเวียงจันท์ลงไปกรุงเทพฯ (สมัยนั้นยังเรียกอยุธยาเป็นชื่อเก่าตกค้าง) มีชีวิตอดๆ อยากๆ ลำบากลำบนแสนสาหัส ข้าวปลาอาหารขาดแคลน ถ้าหน้าฝนมีฝนตกก็ไปจับกบทุ่งพระเมรุ (สนามหลวง) มาต้มกินแกล้มเหล้า
สนามหลวงสมัยแรกถ้าไม่มีงานพระเมรุก็ปล่อยเป็นที่โล่งกลางกรุง (รกร้างเหมือนหนองบึงบุ่งทามในอีสาน) แหล่งอาหารอุดมสมบูรณ์ของไพร่บ้านพลเมือง หลังจากนั้นถูกใช้เป็นพื้นที่ของ “ผู้ดี” เป็นสนามกอล์ฟ, สนามแข่งว่าว, สนามแข่งม้า, การสวนสนามของทหาร ฯลฯ
สนามหลวงเคยเป็นพื้นที่สาธารณะของประชาชน เป็นที่ “ติดตลาดนัด” เฉพาะวันเสาร์-อาทิตย์ (ก่อนย้ายไปวังสราญรมย์ และต่อจากนั้นย้ายไปสวนจตุจักร) ส่วนวันธรรมดาเป็นที่มีกิจกรรมของประชาชน เช่น เช่าจักรยานขี่เล่น, เช่าจักรยานหัดขี่ (เพราะขี่ไม่เป็น), เล่นกลขายยา, หมอดู, ขายน้ำอัดลมใส่น้ำแข็ง, ขายปลาหมึกปิ้ง ฯลฯ หน้าร้อนเมษายนมีเล่นว่าว, แข่งตะกร้อลอดบ่วง, ออกร้านอาหารมีสุราเบียร์ ฯลฯ
สนามหลวงเคยมีชีวิตและวิญญาณทางการเมืองสมัยใหม่ เริ่มจากแป็นแหล่ง “ไฮด์ปาร์ก” (เลียนแบบอังกฤษ) แสดงความคิดเห็นทางการเมือง, เป็นแหล่งชุมนุมหาเสียงทางการเมือง, เป็นที่ชุมนุมการเคลื่อนไหวทางการเมืองตั้งแต่ 14 ตุลาคม 2516 ท้ายที่สุดยังเป็นศูนย์ความรุนแรงทางการเมืองเมื่อ 6 ตุลาคม 2519 ฯลฯ
ทุกวันนี้สนามหลวงถูกริบเป็นสมบัติรัฐราชการรวมศูนย์ แล้วกีดกันประชาชนพลเมืองมิให้ใช้งานสาธารณะเหมือนที่เคยเป็นมาก่อน
ท้องสนามหลวงกว้างขวางกว่าเดิม แล้วปลูกต้นมะขามโดยรอบ มีขึ้นสมัย ร.5 ต่อจากนั้นพัฒนาสืบมาอย่างต่อเนื่อง จะสรุปจากงานศึกษาค้นคว้าของ เทพชู ทับทอง มาดังต่อไปนี้
ร.5 โปรดให้รื้อกำแพงป้อมปราการที่ไม่สำคัญของวังหน้าทางด้านทิศตะวันออก คงไว้แต่ที่สำคัญๆ กับรื้อสิ่งปลูกสร้างอื่นๆ ที่มีมาแต่รัชกาลก่อนๆ ท้องสนามหลวงจึงได้มีเนื้อที่เพิ่มขึ้นมาอีกถึงเท่าตัว
โปรดให้ปลูกต้นมะขามไว้รอบท้องสนามหลวงเพื่อให้เกิดความร่มรื่นเหมือนอย่างถนนในต่างประเทศ ซึ่งพระองค์ได้เสด็จประพาสทอดพระเนตรมา
เมื่อคราวฉลองพระนครครบรอบ 100 ปี ใน พ.ศ. 2425 (จุลศักราช 1244) สมัย ร.5 ก็ได้ใช้ท้องสนามหลวงเป็นที่ตั้งกระบวนแห่พยุหยาตราอย่างใหญ่ มีทั้งกระบวนช้าง กระบวนม้า และกระบวนเท้า ส่วนรอบท้องสนามหลวงก็ปลูกโรงไทยทานสำหรับเลี้ยงพระเลี้ยงไพร่ตลอดงาน
นอกจากนั้นยังจัดให้มี “นาเชนนัล เอกซฮิบิเชน” การแสดงสินค้าที่ผลิตได้ในเมืองไทยให้ราษฎรได้ชมเป็นเวลาถึง 3 เดือนอีกด้วย
หลังจากที่ ร.5 เสด็จกลับจากประพาสยุโรปครั้งแรกเมื่อ พ.ศ. 2440 (ร.ศ. 116) ก็ได้มีพวกข้าราชการ ฯลฯ มาเฝ้ารับเสด็จบริเวณท้องสนามหลวงหลายครั้ง
พ.ศ. 2446 (ร.ศ. 122) ร.5 มีพระชนมพรรษา 50 พรรษา ทรงจัดให้มีพระราชกุศลนักขัตฤกษ์เนื่องในการเฉลิมพระชนมพรรษาที่ท้องสนามหลวงด้วยส่วนหนึ่ง โดยพระองค์และมกุฎราชกุมารได้เสด็จพระราชดำเนินประทับ ณ พลับพลาให้ประชาชนทั้งผู้ใหญ่และเด็กเข้าเฝ้าถวายพระพรเมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน
งานสนุกๆ ที่ท้องสนามหลวง
งานใหญ่ๆ ที่สนุกสนานมากซึ่งจัดที่ท้องสนามหลวงใน ร.5 ยังมีอีก 2 งาน คือ
เล่นโขนกลางแปลงรับเสด็จ ร.5 กลับจากประพาสยุโรปครั้งแรกเมื่อ พ.ศ. 2440 ดัดแปลงท้องสนามหลวงให้เป็นบ้านเมืองและเป็นป่า
งานสงครามบุปผาชาติแต่งแฟนซี และตกแต่งรถจักรยานสองล้อด้วยดอกไม้นานาพันธุ์ แล้วขี่ขว้างปากันด้วยกระดาษลูกปาและกระดาษสายรุ้ง ซึ่ง ร.5 ทรงจัดรับเสด็จเจ้าฟ้ากรมหลวงพิษณุโลกประชานาถ ที่ทรงศึกษาวิชาการทหารอยู่ประเทศรัสเซีย เสด็จกลับประเทศไทยชั่วคราวเมื่อ พ.ศ. 2442
ปลายสมัย ร.5 กีฬาว่าวท้องสนามหลวงเป็นที่นิยมมากขึ้นในหมู่เจ้านายและข้าราชการตลอดจนพ่อค้าประชาชน ถึงขนาดมีการแข่งขันชิงถ้วยทองคำพระราชทาน สนามหลวงยังเคยเป็นสนามแข่งม้าและสนามกอล์ฟ
สืบเนื่องจาก ร.5 เสด็จกลับจากประพาสยุโรป ข้าราชการทุกกระทรวงทบวงกรมต่างก็พร้อมใจกันจัดให้มีงานฉลองน้อมเกล้าฯ ถวายแสดงความจงรักภักดีต่างๆ
ส่วนการเล่นกอล์ฟนั้น ก็เริ่มต้นที่ท้องสนามหลวงเหมือนกัน เพราะสมัยนั้นมีสนามขนาดใหญ่อยู่ใกล้กันเพียง 3 สนามเท่านั้น คือสนามหลวง สนามสถิตย์ยุติธรรม และสนามไชย เจ้าพระยามหินทร์เล่าว่าพวกข้าราชการที่เป็นชาวต่างประเทศที่ชอบเล่นกอล์ฟ ได้อาศัยสนามทั้ง 3 นี้รวมกันทำเป็นสนามกอล์ฟเล่นได้ 9 หลุมพอดี