ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 19 - 25 พฤษภาคม 2566 |
---|---|
คอลัมน์ | สุจิตต์ วงษ์เทศ |
เผยแพร่ |
“สุโขทัยราชธานีแห่งแรกของไทย” เป็นตำนาน “เพิ่งสร้าง” สมัยชาตินิยม “คลั่งเชื้อชาติไทย” ไม่นานนี้ โดยไม่มีหลักฐานวิชาการประวัติศาสตร์โบราณคดีรองรับสนับสนุน แต่ถูกยัดเยียดครอบงำให้เชื่ออย่างเชื่องๆ ถ้าไม่เชื่อต้องถูกใส่ร้ายเป็น “คอมมิวนิสต์” (สมัยสงครามเย็น) มีโอกาสติดคุกถูก “ขังลืม”
นักโบราณคดีไทยปฏิเสธตำนานอย่างหัวชนฝา แล้วไม่ยอมรับพระราชพงศาวดารเหนือซึ่งมีเรื่องเล่ากำเนิดเมืองอโยธยาว่าเหลวไหล แต่ยอมรับตำนานใหม่ “สุโขทัยราชธานีแห่งแรก” อย่างศิโรราบ
อโยธยาเป็นศูนย์กลางใหม่ของละโว้ เมื่อเรือน พ.ศ.1600 พบข้อความในพงศาวดารเหนือ ซึ่งเรียบเรียงสมัยอยุธยาในแผ่นดินพระนารายณ์ฯ (โดยประมาณ) ประกอบด้วยตำนานปนกันหลายเรื่อง
ตำนาน คือเรื่องราวความเป็นมาหรือประวัติศาสตร์แบบหนึ่งที่เรียบเรียงจากเรื่องเล่าในความทรงจำของผู้คนในสังคมที่ไม่มีลายลักษณ์อักษร “เขียนไม่ได้ อ่านไม่ออก” ดังนั้น ถ้าใช้งานต้องมีการตรวจสอบและประเมินค่าของตำนานเป็นเรื่องๆ ไป ไม่เชื่อทั้งหมด แต่ไม่ทิ้งทั้งหมด
อโยธยา โดย จิตร ภูมิศักดิ์
เมืองอโยธยา (อ.พระนครศรีอยุธยา จ.พระนครศรีอยุธยา) มีแล้วตั้งแต่ พ.ศ.1599 จิตร ภูมิศักดิ์ เขียนบอกไว้ในหนังสือ ข้อเท็จจริงว่าด้วยชนชาติขอม (สำนักพิมพ์มติชน พิมพ์ พ.ศ.2547 หน้า 61-74) เท่ากับเมืองอโยธยาเก่าแก่กว่ากรุงสุโขทัยมากกว่า 100 ปี (ดังนั้น สุโขทัยเป็นราชธานีแห่งแรกไม่ได้)
จิตร ภูมิศักดิ์ บอกอีกว่ามอญกับพม่าเรียกอโยธยาอย่างรวมๆ ว่า “ออระซา” เป็นพวกขอม (ซึ่งในคำของมอญและพม่าเรียก กรอม, คฺยวน) จะคัดอย่างสรุปรวมๆ มาดังนี้
พงศาวดารกรุงสุธรรมวดี (สะเทิม) ฉบับพิมพ์ภาษามอญที่ปากลัด พ.ศ.2453 (สุธรรมวดีราชวงศ์) ในตอนต้น มีกล่าวถึงพวก กรอม (โกฺรํ) ยกทัพไปตีกรุงสุธรรมวดีในสมัยพระเจ้าอุทินนะ พ.ศ.1599. กรอมยกกำลังไปมาก, พระเจ้าอุทินนะต้องส่งทูตไปขอความช่วยเหลือจากกษัตริย์พะม่ากรุงอริมันทนะปุระ. พงศาวดารเล่าเรื่องสงครามไว้ยืดยาว, ลงท้ายพวกกรอมก็พ่ายกลับไป.
พงศาวดารพะม่าฉบับหอแก้ว (หมันนันยาซะวิน) ซึ่งเป็นเอกสารของฝ่ายพะม่า มีจดเรื่องเดียวกันนี้ไว้ในรัชกาลพระเจ้าอโนรทา แต่ไม่ระบุศักราช. พงศาวดารจดว่าในสมัยพระเจ้าอโนรทา มีพวกคฺยวนยกทัพไปตีเมืองพะโค (มอญ) พะม่ายกทัพไปช่วยป้องกันเมือง และจับเป็นแม่ทัพคฺยวนไว้ได้สี่คน คือ : ออกพระราน, ออกพระแร, ออกพระโบน และออกพระแปก. พงศาวดารตอนนี้ถึงจะไม่จดศักราช ก็รู้ชัดว่าเป็นเรื่องเดียวกับที่พงศาวดารมอญจดไว้ เพราะพระเจ้าอุทินนะของมอญนั้นเป็นกษัตริย์ร่วมสมัยกับพระเจ้าอโนรทาของพะม่า, และ พ.ศ.1599 นั้นก็อยู่ในกลางรัชกาลพระเจ้าอโนรทา.
ศิลาจารึกพะม่า ยืนยันว่าเป็นเรื่องแน่นอน. ตามพงศาวดารพะม่าและมอญ
จารึกพะม่า ณ สักกาลัมปะเจดีย์ มีตอนหนึ่งกล่าวว่า :
“ศักราช 418 (พ.ศ.1599) พระเจ้าสิริตริปวรธัมมราชาธิปติโนรตา (พระเจ้าอโนรทา) กลับจากทำสงครามกับพวกทหารคฺยวม แล้วได้ทรงสร้างคูหเจดีย์ขึ้น”
เป็นประมวลได้ชัดเจนว่า ใน พ.ศ.1599 มีกองทัพกรอม/คฺยวม/คฺยวน ยกไปตีเมืองสะเทิมของมอญสมัยพระเจ้าอุทินนะ และพระเจ้าอโนรทาแห่งพุกามยกทัพมาช่วยป้องกันเมือง.
พวก กรอม/คฺยวม/คฺยวน นี้จะเป็นใคร, ข้อนี้ถกเถียงกันมาก.
แต่คำตอบก็มีอยู่ในพงศารดารพะม่าฉบับหอแก้วนั้นเอง. พงศาวดารพะม่าฉบับหอแก้วมีจดอาณาเขตประเทศพะม่าสมัยพระเจ้าอโนรทาไว้ว่า ทางทิศตะวันออกจรดแดนประเทศปิงกะ, ทางตะวันออกเฉียงใต้จรดแดนประเทศของชาวคฺยวน หรือที่เรียกกันอีกอย่างว่า อรอซะ. อีกแห่งหนึ่งจดเขตประเทศ ใน พ.ศ.1632 เมื่อครั้งพระเจ้าอลองชัยสุระ (อลองสิตู) ประสูติ ว่าทิศตะวันออกเฉียงใต้จรดเขตประเทศของชาวคฺยวน หรือที่เรียกอีกอย่างว่า อโยชะ.
ประเทศทางตะวันออกที่เรียกว่า ปิงกะ นั้นคือ พิงคะ, เป็นชื่อแบบบาลีของแม่น้ำปิงหรือพิง (แม่น้ำพิงนั้น ไทยพายัพออกเสียง ปิง, และ พิงคะ ออกเสียง ปิงกะ), ประเทศปิงกะจึงได้แก่บ้านเมืองในแถบลุ่มแม่น้ำปิงในยุคนั้น.
ส่วนประเทศของชาวคฺยวนทางตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งบอกไว้ว่ามีชื่อเรียกอีกอย่างว่า อรอซะ/อโยชะ นั้นแน่นอน หมายถึง อโยชชะ อันเป็นรูปบาลีของชื่ออโยธยา ซึ่งเราได้พบเรียกในตำนานภาษาบาลีของไทยอยู่บ่อยๆ,
ในจารึกภาษาบาลีบนลานทองซึ่งพบในปรางค์มหาธาตุ จังหวัดสุพรรณบุรี จารึกในสมัยต้นกรุงศรีอยุธยา ก็ปรากฏว่าใช้คำ อโยชชะ. และยังมีบางตำนานใช้ว่า อโยชฌิยา อีกด้วย. คำที่พะม่าเขียน อรอซะ นั้นก็มีค่าเท่ากับ อโยชะ ที่เขียนไว้อีกแห่งหนึ่งนั่นเอง, ทั้งนี้เพราะพะม่าออกเสียง ร เป็น ย
เมื่อเช่นนี้ กรอม/คฺยวม/คฺยวน ที่ยกไปตีเมืองสะเทิมใน พ.ศ.1599 ก็คือ ขอมจากแคว้นอโยธยา นั่นเอง.
[จากหนังสือ ข้อเท็จจริงว่าด้วยชนชาติขอม ของ จิตร ภูมิศักดิ์ สำนักพิมพ์มติชน พิมพ์ครั้งแรก พ.ศ.2547)
สมเด็จฯ ยกย่องตำนาน แต่นักโบราณคดีไทยรังเกียจ
สมเด็จฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ ทรงอ้างพงศาวดารเหนือและตำนานโยนก ว่าอโนรทากษัตริย์เมืองพุกามตีได้เมืองลพบุรี (คือละโว้) และเมืองทวารวดี (คือนครปฐม)
“เมื่อ พ.ศ.1600 พระเจ้าอนุรุทธมหาราชกษัตริย์ซึ่งครองประเทศพม่าตั้งราชธานีอยู่ ณ เมืองพุกาม เจริญอานุภาพปราบปรามประเทศรามัญไว้ในอำนาจ แล้วขยายอาณาเขตเข้าถึงประเทศลานนา (คือจังหวัดทางพายัพบัดนี้) ลงมาถึงเมืองลพบุรี และเมืองทวารวดี”
นักโบราณคดีไทยเชื่อถือจดจำเรื่องราวตอนนี้เป็นคัมภีร์สำคัญไม่เสื่อมคลายตั้งแต่บัดนั้น (พ.ศ.2469) จนบัดนี้ (พ.ศ.2566)
ครั้นเรื่องเมืองอโยธยาที่มีมากในพงศาวดารเหนือ นักโบราณคดีไทยกลับปฏิเสธและด้อยค่าเมืองอโยธยา แสดงถึงความไม่อยู่กับร่องกับรอยและลักษณะ “สองมาตรฐาน” เป็นอันตรายต่อวิชาการ และเป็นอันตรายอย่างยิ่งต่อหลักฐานอโยธยาทั้งเมืองที่กำลังจะถูกทำลายด้วย “ไฮสปีด เทรน” รถไฟความเร็วสูงผ่าเมืองอโยธยา •
| สุจิตต์ วงษ์เทศ
สะดวก ฉับไว คุ้มค่า สมัครสมาชิกนิตยสารมติชนสุดสัปดาห์ได้ที่นี่https://t.co/KYFMEpsHWj
— MatichonWeekly มติชนสุดสัปดาห์ (@matichonweekly) July 27, 2022