
ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 21 - 27 พฤษภาคม 2564 |
---|---|
คอลัมน์ | ปริศนาโบราณคดี |
ผู้เขียน | เพ็ญสุภา สุขคตะ |
เผยแพร่ |
‘หลวงพ่อเพชร’
หรือแท้จริงคือ ‘พระสิงห์ 1 ล้านนา’? (2)
หลังจากที่เรื่องราวของหลวงพ่อเพชร 2 องค์ (อุตรดิตถ์และพิจิตร) ได้รับการตีพิมพ์เผยแพร่ในตอนแรกแล้วนั้น
มีผู้อ่านหลายท่านให้ความสนใจ ส่งข้อมูลมาแลกเปลี่ยนความเห็นกับดิฉันเป็นจำนวนมาก
ทำให้ฉบับนี้จำเป็นต้องย้อนกลับไปทบทวนเรื่องประวัติความเป็นมา การกำหนดอายุ ฝีมือช่าง ของหลวงพ่อเพชรกันอย่างจริงจังอีกครั้ง
เมืองลับแลกับวัฒนธรรมล้านนา
ตอนที่แล้วดิฉันได้กล่าวว่า “หลวงพ่อเพ็ชร์” ของอุตรดิตถ์นั้น ตามประวัติระบุว่าไม่มีการโยกย้ายมาจากล้านนาแต่อย่างใด นักวิชาการจึงสรุปว่า ถ้าเช่นนั้นหลวงพ่อเพ็ชร์ก็คงสร้างขึ้นในอุตรดิตถ์นี่เอง จัดเป็นพุทธศิลป์แบบ “ล้านนาสิงห์ 1” ที่ใช้ช่างฝีมือชาวสุโขทัยสร้าง เนื่องจากจุดเกิดเหตุนั้นอยู่ในบริเวณอำเภอเมืองอุตรดิตถ์ ซึ่งเป็นเขตวัฒนธรรมสุโขทัยไม่ใช่เขตอิทธิพลล้านนา
ประเด็นนี้ได้มีผู้รู้ด้านประวัติศาสตร์ท้องถิ่นอุตรดิตถ์ส่งข้อมูลเพิ่มเติมมาให้ สรุปใจความได้ว่า
หลวงพ่อเพ็ชร์ตามที่หนังสือเขียนว่าพระภิกษุด้วงพบครั้งแรกในจอมปลวกแถวป่าสะแกหรือไผ่ล้อมนั้น เป็นแค่คำให้การของท่านตอนถูก ‘เจ้าเมืองคง’ นิมนต์ตัวมาไต่สวนหาข้อเท็จจริง หลังจากที่มีชาวบ้านร้องเรียนว่าท่าน “ลักลอบขุดพระ” แต่ในความเป็นจริงแล้ว หลวงพ่อด้วงงมพระพุทธรูปได้จากลำน้ำพร่อง ซึ่งไหลมาจากเมืองลับแล ดังนั้น พระปฏิมาหลวงพ่อเพ็ชร์ แท้ก็คือพระสิงห์ 1 ล้านนาที่สร้างขึ้นในเมืองลับแลนั่นเอง
เมืองลับแลในอดีตเป็นเขตวัฒนธรรมล้านนามาตั้งแต่สมัยพระเจ้าติโลกราชหรือก่อนหน้านั้นแล้ว โดยที่เมืองลับแลมีวัดแห่งหนึ่งชื่อ ‘วัดดอนสัก’ ปัจจุบันมีมณฑปโขงพระเจ้างดงามมากเหมือนทางล้านนา พระประธานหายไป ปัจจุบันต้องสร้างพระแบบสิงห์ 1 องค์ใหม่ขึ้นประดิษฐานแทน
ตอนนี้แวดวงปราชญ์ท้องถิ่นในอุตรดิตถ์เชื่อกันว่า โขงพระเจ้าวัดดอนสัก น่าจะเคยรองรับพระพุทธปฏิมาองค์งาม (หลวงพ่อเพ็ชร์) มาก่อน
ฉบับนี้ดิฉันได้นำภาพประกอบของโขงพระเจ้าวัดดอนสักมาให้ชมกัน ซึ่งหาดูได้ยากเพราะวัดเปิดให้ชมวิหารปีละ 2 ครั้งเท่านั้น
ปัญหามีอยู่ว่า หากหลวงพ่อเพ็ชร์สร้างขึ้นในเมืองลับแลจริง นักวิชาการจะฟันธงใหม่ว่าเป็นพระล้านนาสิงห์ 1 ไปเลยไหม หรือยังยืนยันว่าเป็นศิลปะสุโขทัยที่สร้างเลียนแบบล้านนาอยู่?
ประเด็นนี้จะหวนกลับมาวิเคราะห์กันอีกครั้ง หลังจากที่ดิฉันได้กล่าวถึงนิยามและความหมายของคำว่า “พระล้านนาสิงห์ 1” แล้ว
หลวงพ่อเพชรเมืองพิจิตร
ต้องเก่ากว่าสมัยพระนเรศวร
กรณีของหลวงพ่อเพชรเมืองพิจิตรซึ่งอัญเชิญมาจากวัดพระธาตุศรีจอมทองก็เช่นกัน เต็มไปด้วยความคลุมเครือด้านประวัติการสร้าง
หนังสือตำนานเมืองจอมทองระบุอายุไว้ว่าเก่าถึงช่วง พ.ศ.1660-1800 ตรงกับสมัยหริภุญไชยเลยทีเดียว
ครั้นเมื่อพิจารณาจากเนื้อโลหะและพุทธศิลป์แล้ว พบว่าไม่ได้เก่าถึงยุคนั้น
ดิฉันจึงยึดตามความเห็นของผู้เชี่ยวชาญด้านประวัติศาสตร์ศิลปะระดับนานาชาติ ท่านศาสตราจารย์ ดร.พิริยะ ไกรฤกษ์ ที่กำหนดอายุไว้ว่าน่าจะสร้างราวกลางพุทธศตวรรษที่ 22
นั่นก็จะตรงกับสมัยสมเด็จพระนเรศวรมหาราช
ส่วนกษัตริย์ที่ปกครองล้านนาเป็นชาวพม่ามีชื่อว่าพระเจ้ามังทรา (นรธาเมงสอ โอรสของพระเจ้าบุเรงนอง)
หลังจากที่ได้นำเสนอเรื่องนี้ไปแล้วก็มีผู้ทักท้วงว่า หลวงพ่อเพชรน่าจะสร้างก่อนหน้านั้น เพราะอย่างน้อยวิหารวัดพระธาตุศรีจอมทองก็มีมาแล้วตั้งแต่สมัยพระเมืองแก้ว (ครองราชย์ 2038-2068) เมื่อมีวิหารก็ควรสร้างพระประธานขึ้นพร้อมกัน หรือดีไม่ดีพระประธานอาจมาก่อนก็ได้ด้วยซ้ำ เพราะย้ายมาจากที่อื่น
ทำให้ดิฉันต้องทบทวนข้อมูลเกี่ยวกับ “หลวงพ่อเพชร” ในตำนานวัดพระธาตุศรีจอมทองอย่างละเอียดอีกครั้ง
คราวนี้พอจะพบ “จิ๊กซอว์บางตัว” แบบอ้อมๆ คือไม่ได้กล่าวถึงประวัติของหลวงพ่อเพชรโดยตรงเสียทีเดียว
นั่นคือข้อความในหน้าที่ 22 จากหนังสือ “ตำนานวัดพระธาตุศรีจอมทองวรวิหาร” ฉบับพิมพ์ครั้งที่ 2 ไม่ระบุปีที่พิมพ์ และไม่ระบุชื่อผู้รวบรวมเรียบเรียงข้อมูล เข้าใจว่าเป็นการคัดลอกต่อๆ กันมาจากการปริวรรตคัมภีร์ใบลานของวัด
ข้อความนี้กล่าวถึงการที่เทวดาส่ง “ตาปะขาว” มาบอก “พระธมฺมปญฺโญเถระ” เจ้าอาวาสวัดพระธาตุศรีจอมทองสมัยนั้น ในนิมิตฝันให้ทราบว่าวัดแห่งนี้มีพระบรมสารีริกธาตุ สถิตอยู่ในถ้ำใต้พื้นดอยจอมทอง พระธมฺมปญฺโญเถระจึงตั้งจิตอธิษฐานขอให้พระบรมสารีริกธาตุได้เสด็จออกมา
“ครั้นอธิษฐานแล้วล่วงมาถึงปีจุลศักราช 863 (ควรจะตรงกับ พ.ศ.2044 ตามสูตรการคำนวณนั้นปกติให้เอา 1181 ไปบวก จ.ศ. จะเท่ากับอายุของ พ.ศ. แต่ในหนังสือเล่มนี้เขียนว่าตรงกับ พ.ศ.2042 จึงขอหมายเหตุไว้) เดือน 4 ขึ้น 14 ค่ำ (เดือน 6 เหนือ) เวลากลางคืนพระบรมธาตุเจ้าองค์ประเสริฐก็เสด็จออกจากพระสถูปทองคำอันตั้งอยู่ในคูหาพื้นจอมทอง แสดงปาฏิหาริย์เป็นมหัศจรรย์ต่างๆ ให้ปรากฏแก่คนทั้งหลาย
และในวิหารนั้นมีพระพุทธรูปองค์หนึ่งมีพระโมลีถอดได้หล่อด้วยทองสำริด
รุ่งขึ้นเช้าเป็นวันขึ้น 15 ค่ำ คนทั้งหลายได้มาบูชาข้าวพระพุทธรูปเห็นประตูปราสาทเปิดไว้ จึงไปบอกแก่พระธมฺมปญฺโญเถระ ท่านไปตรวจดูในวิหารเห็นพระโมลีพระพุทธรูปถูกถอดออกจากพระเศียรวางไว้บนพระเพลา เห็นห่อผ้าทิพย์เล็กๆ วางอยู่ในรูพระโมลีธาตุแห่งพระพุทธรูปองค์นั้น จึงเอาไม้คีบออกมาแล้วแก้ห่อออกดู ก็เห็นพระบรมธาตุนั้นบรรจุในโกศงา…”
คำว่า “พระพุทธรูปในวิหาร” ที่ปรากฏในเหตุการณ์สำคัญอันเกี่ยวเนื่องกับพระธาตุเสด็จนี้ ควรตั้งคำถามต่อไปว่า หมายถึงหลวงพ่อเพชรองค์ที่ปัจจุบันย้ายไปอยู่จังหวัดพิจิตรหรือไม่
หากใช่ แสดงว่าหลวงพ่อเพชรต้องสร้างมาก่อน พ.ศ.2044
ครั้นเมื่ออ่านย้อนไปถึงจุดเริ่มต้นของการสร้างวัดพระธาตุศรีจอมทองอีกหน้าหนึ่ง พบว่าก่อนจะมาเป็นวัดหลวงที่ได้รับการอุปถัมภ์โดยกษัตริย์ล้านนา วัดนี้สร้างโดยชาวบ้านสองผัวเมียชื่อนายสร้อยกับนางเม็ง ตั้งแต่ พ.ศ.1995 และได้รับการอุปถัมภ์บำรุงจากพระภิกษุรูปต่างๆ เรื่อยมา
กระทั่งถึงสมัยของพระธมฺมปญฺโญเถระ ระบุว่า พ.ศ.2022 (ก่อนพระธาตุแสดงปาฏิหาริย์ 22 ปี) เมื่อท่านได้เป็นเจ้าอาวาสวัดแห่งนี้
“ได้ชวนชาวบ้านพากันไปรื้อเอาวิหารกับทั้งพระพุทธรูปองค์ใหญ่หล่อ (ก่อ-ปั้น) ด้วยปูนจากวัดย่าแต้ม (เชิงอรรถอธิบายเพิ่มว่า บางฉบับเขียนวัดท่าแย้ม) ซึ่งอยู่ข้างแม่น้ำกาละ (เชิงอรรถว่าหมายถึงน้ำแม่กลาง) มาไว้ในวัดศรีจอมทองใน พ.ศ.2022”
คำว่า “พระพุทธรูปองค์ใหญ่หล่อ” พร้อมวงเล็บ “ก่อ-ปั้น” นี้ น่าจะหมายความว่า ยุคแรกสร้างพระพุทธรูปใช้วัสดุปูนปั้น แล้วต่อมาหล่อสำริดครอบ
ดิฉันเคยลงพื้นที่สำรวจวัดร้างหลายแห่งแถว “เมืองกลาง” ในเขตอำเภอจอมทอง ใกล้กับวัดพระพุทธบาทหัวเสือ เคยเป็นที่ตั้งของวัดย่าแต้มหรือวัดท่าแย้ม แต่ปัจจุบันน้ำแม่กลางเปลี่ยนเส้นทางเดินไปแล้ว พบว่าบริเวณนั้นมีร่องรอยหลักฐานอารยธรรมที่เก่าแก่ถึงยุคหริภุญไชยมากพอสมควร
เหตุนี้นี่เอง ที่ทำให้ปราชญ์ชาวบ้านจอมทองบางท่านเชื่อว่าองค์พระปฏิมาด้านในของหลวงพ่อเพชรน่าจะเก่าถึงพุทธศตวรรษที่ 17-18
หลวงพ่อเพชรองค์พี่
แห่งเมืองกำแพงเพชร
ดิฉันลงพื้นที่วัดพระธาตุศรีจอมทองล่าสุดเมื่อเร็วๆ นี้ ได้พบ “หลวงพ่อเพชรจำลององค์พี่” (คือองค์ในภาพประกอบ) ทางวัดเล่าว่า เพิ่งทราบข้อมูลใหม่ได้ไม่กี่ปีมานี้เอง ว่าแม่ทัพอยุธยาครั้งอดีต นอกจากจะนำหลวงพ่อเพชรองค์หนึ่งไปไว้ที่พิจิตรแล้ว ยังมีการย้ายหลวงพ่อเพชรอีกองค์หนึ่งจากวัดพระธาตุศรีจอมทองไปไว้ที่กำแพงเพชรอีกด้วย
กล่าวคือ นำ “หลวงพ่อเพชร” ไปพร้อมกันถึงสององค์ องค์หนึ่งใหญ่กว่าเล็กน้อยจึงเรียกองค์พี่ ปัจจุบันประดิษฐานที่กำแพงเพชร อีกองค์เป็นที่รู้จักกันดีอยู่ที่พิจิตร แต่องค์เล็กกว่าจึงเรียกองค์น้อง
หลายท่านอาจสงสัยว่า หลวงพ่อเพชรองค์พี่นี้มาจากไหนอีกเล่า ทำไมไม่ค่อยเคยได้ยินกันมาก่อน และรู้ได้อย่างไรว่าพระพุทธปฏิมาองค์นั่งขัดสมาธิเพชรที่กำแพงเพชรย้ายมาจากจอมทอง?
เรื่องนี้ปรากฏหลักฐานอยู่ในประวัติของหลวงพ่อเพชรวัดบางเมืองกำแพงเพชรว่า ช่วงที่พระยาพิจิตรขอให้แม่ทัพอยุธยาที่จะไปตีจอมทอง ช่วยเอาพระพุทธปฏิมาจากเมืองเหนือมาฝากให้ด้วย ปรากฏว่าแม่ทัพนายนั้นได้ชะลอพระพุทธปฏิมาจากจอมทองลงมาถึง 2 องค์ นำมาไว้ที่วัดตอหม้อ (ปัจจุบันไม่มีแล้ว) เมืองกำแพงเพชร
แล้วแจ้งให้เจ้าเมืองพิจิตรขึ้นมารับเอง 1 องค์ การขนย้ายพระพุทธรูปขนาดใหญ่จากลำน้ำปิงสู่ลำน้ำน่านในอดีตนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย อาจเป็นเหตุให้พระยาพิจิตรจึงเลือกเอาองค์เล็กไป (หน้าตักองค์เล็กกว้าง 2 ศอกเศษ ส่วนองค์พี่กว้างกว่าอีกเล็กน้อย) ดังนั้น หลวงพ่อเพชรองค์พี่จึงประดิษฐานอยู่ที่เมืองกำแพงเพชรตราบแต่นั้นมา
ประวัติหน้านี้ไม่ปรากฏในตำนานหลวงพ่อเพชรของเมืองพิจิตร ซึ่งระบุแค่ว่า พระยาพิจิตรขึ้นมาอัญเชิญหลวงพ่อเพชรจากกำแพงเพชรไปไว้พิจิตรด้วยตัวเอง แต่ไม่ได้บอกว่าแม่ทัพนายนั้นได้นำหลวงพ่อเพชรมาไว้ที่กำแพงเพชรถึงสององค์
ที่น่าสนใจคือ ประวัติเรื่องหลวงพ่อเพชรของเมืองกำแพงเพชรนี้ มีการระบุยุคสมัยของเหตุการณ์และชื่อแม่ทัพอีกด้วย นั่นคือตรงกับสมัยของสมเด็จพระรามาธิบดีที่ 2 (2034-2072) โอรสของสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ ส่วนแม่ทัพที่ถูกส่งขึ้นมาปราบจอมทองนั้นคือ “ขุนแผน”
พระพรหมมงคล (หลวงปู่ทอง สิริมงฺคโล) อดีตเจ้าอาวาสวัดพระธาตุศรีจอมทอง (มรณภาพไปเมื่อ 2 ปีที่แล้ว) ได้สั่งให้ศิษยานุศิษย์ไปทำการจำลองหลวงพ่อเพชรองค์พี่จากกำแพงเพชรเท่าขนาดจริง ทำพิธีแห่อัญเชิญขึ้นประดิษฐานบนวิหารวัดพระธาตุศรีจอมทอง เมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2561
ปริศนาจึงมีอยู่ว่า ในเมื่อวัดพระธาตุศรีจอมทองมี “หลวงพ่อเพชร” องค์ใหญ่ที่สวยงามยิ่งถึง 2 องค์ ควรจะเป็นองค์ไหนเล่า ที่เคยมีการบรรจุพระบรมสารีริกธาตุในพระเกศโมลี?
และองค์ไหนเล่า คือองค์ที่ย้ายมาจากวัดย่าแต้ม แล้วถูกซ่อมบูรณะครั้งใหญ่เมื่อ พ.ศ.2022 โดยพระธมฺมปญฺโญเถระ โดยองค์ด้านในอาจเป็นศิลปะยุคหริภุญไชย
การที่อาจารย์พิริยะกำหนดอายุให้หลวงพ่อเพชรเมืองพิจิตรมีอายุรุ่นหลังมาก เนื่องจากพุทธลักษณะดูเป็นศิลปะล้านนาตอนปลายอย่างมากแล้ว เป็นไปได้หรือไม่ว่าเคยมีการบูรณะหลวงพ่อเพชรเมืองพิจิตรครั้งใหญ่ ทำให้รูปแบบศิลปะเปลี่ยนไป จนดูไม่เก่าเท่าที่ควรจะเป็น
ปริศนาทั้งหมดนี้ ดิฉันคิดว่าท้าทายและน่าสนใจมาก
เนื่องจากเท่าที่ผ่านมา เวลาเราพูดถึงหลวงพ่อเพชรเมืองพิจิตรนั้น เรามักพูดกันสั้นๆ เพียงแค่ว่าได้มาจากวัดพระธาตุศรีจอมทอง แต่ยังไม่เคยมีการสืบค้นกันให้ถึงที่สุดว่า จะใช่องค์เดียวกันกับที่ถูกระบุไว้ในตำนานว่า ครั้งหนึ่งเคยรองรับพระธาตุเสด็จในเกศโมลีหรือไม่
นอกจากนี้แล้วยังพบว่า ที่จอมทองยังเคยมีหลวงพ่อเพชรถึงสององค์อีกด้วย