On History : นาจา เซียนเต๋า ที่ถูกสยบด้วยสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ในศาสนาพุทธ

ศิริพจน์ เหล่ามานะเจริญ
คำอธิบายภาพประกอบ : ตำนานเรื่องนาจาถูกหยิบยกมาสร้างใหม่เป็นภาพยนตร์แอนิเมชั่น ในปี พ.ศ.2564 นี้ โดยมีเค้าโครงเรื่องที่แต่งขึ้นใหม่ ซึ่งต่อยอดไปจากตำนานของนาจาในหนังสือห้องสิน

 

นาจา เซียนเต๋า

ที่ถูกสยบด้วยสิ่งศักดิ์สิทธิ์

ในศาสนาพุทธ

 

ตํานานเรื่องเทพฤทธิ์เซียนในศาสนาเต๋าของจีนอย่าง “นาจา” นั้น มักจะอ้างกันว่าเด็กน้อยคนนี้เกิดสมัยราชวงศ์ซาง (ราชวงศ์ที่ปกครองพื้นที่บริเวณแม่น้ำฮวงโหเมื่อ 3,600-3,050 ปีที่แล้ว) มีพ่อชื่อหลี่จิ้ง เป็นแม่ทัพคุมด่านเฉินถังกวาน โดยเป็นลูกคนที่ 3

แต่ตอนตั้งท้องมีเหตุประหลาด เพราะแม่ตั้งท้องอยู่ 3 ปี 6 เดือน หลี่จิ้งก็เลยสงสัยว่าภรรยาของตนเองจะตั้งท้องกับปีศาจ

จนเมื่อคลอดออกมาแล้วก็ปรากฏว่ากลายเป็นก้อนเนื้อกลมๆ แดงๆ หลี่จิ้งจึงชักดาบขึ้นมาฟันทิ้ง ด้วยเข้าใจว่าคือปีศาจแน่

แต่ปรากฏว่าข้างในเป็นเด็กน้อยนาจา ที่แขนขวาสวมกำไลทองคำ ในตัวมีเอี๊ยมผ้าไหมสีแดง (ที่ว่ากันว่าเป็นเทพมารดรหนี่วามอบไว้ให้นาจาเป็นของขวัญ)

หลี่จิ้งก็เลยดีใจเพราะรู้แล้วว่าลูกเป็นเทวดามาเกิด แถมต่อมาไม่นานมหาเซียนฝั่งเต๋าอย่างไท่อี่เจินเหรินก็มารับนาจาไปเป็นลูกศิษย์

 

อยู่มาวันหนึ่งชาวบ้านที่ด่านเฉินถังกวานก็ทำพิธีขอฝน แต่เจ้าทะเลตงไห่ (ทะเลตะวันออก) ซึ่งเป็นมังกร ไม่พอใจกับข้าวของที่ชาวบ้านเอามาเซ่นไหว้ในพิธี เจ้าสมุทรตนนี้อยากได้เด็กๆ ตัวจ้ำม่ำมาเป็นอาหารจานเด็ดในวังใต้ทะเลของตนมากกว่า ชาวบ้านก็เลยอดฝนไปตามระเบียบ

ส่วนเจ้าทะเลก็ส่งทหารออกมาหาลูกมนุษย์ไปบูชายัญ จึงไปพบนาจาเล่นน้ำทะเลอยู่กับเพื่อนๆ (อีกตำนานที่ได้ยินกันบ่อยๆ คือ วันหนึ่งนาจาไปเล่นน้ำทะเล และเมื่อคลื่นมากระทบเอี๊ยมวิเศษ ก็จึงสั่นสะเทือนไปถึงวังบาดาล จนเจ้าสมุทรต้องส่งคนมาดูว่าเกิดอะไรขึ้น พอคนที่ถูกส่งมาเห็นว่าเจ้าของเอี๊ยมวิเศษเป็นเพียงเด็กตัวเล็กๆ ก็เลยหวังจะชิงไปง่ายๆ)

แต่จะตำนานไหน บทสรุปก็เหมือนกันอยู่ดี เพราะกลายเป็นว่า ทหารดวงตกคนนั้นโดนนาจาสังหารทิ้ง

เจ้าสมุทรเห็นทหารไม่กลับมาเสียที จึงส่งองค์ชายสามลูกของตัวเองขึ้นมาดู ซึ่งก็โดนนาจาปราบจนตกตายตามกันไปอีกคน แถมยังโดนเลาะเอาเส้นเอ็นมาด้วย โดยนาจาหวังจะเอาไปทำชุดเกราะให้หลี่จิ้งใช้ใส่ในการรบ

(บางตำนานก็บอกว่า นาจาไปเล่นน้ำทะเลอยู่คนเดียว เพราะไม่ค่อยมีเพื่อน แล้วก็เป็นองค์ชายสามนี่เอง ที่บังเอิญผ่านมา นาจาเลยชวนเล่นด้วย แต่เล่นไปเล่นมาหนักมือไปหน่อย องค์ชายก็เลยดวงถึงฆาตมันเสียอย่างนั้น)

พอเจ้าทะเลตงไห่รู้ว่าลูกตนเองตายก็โกรธแค้นนาจาอย่างจงหนัก จึงไปชวนพี่น้องตัวเองซึ่งเป็นเจ้าทะเลอีก 3 ทิศที่เหลือมากดดันหลี่จิ้งว่า จะเอาคลื่นยักษ์ทั้ง 4 มหาสมุทรมาถล่มทับด่านเฉินถังกวาน พร้อมกับไปฟ้องเง็กเซียนฮ่องเต้ว่าถูกนาจารังแกอีกด้วย

เรื่องนี้ทำให้หลี่จิ้งโกรธนาจามาก และสุดท้ายเพื่อครอบครัวกับชาวเมืองตาดำๆ นาจาก็เลยยอมตาย โดยแล่เนื้อตัวเองคืนแม่ และแล่กระดูกตัวเองคืนพ่อ และพอตายไปก็มาเข้าฝันแม่ของตนว่า ให้ทำศาลเจ้าขึ้นเพื่อใช้สำหรับบูชาตนเอง แม่ก็เลยสร้างศาลให้นาจา

ซึ่งปรากฏว่า ใครไปไหว้ขออะไรก็ได้หมด คนเลยนิยมกันมาก จนเรื่องไปเข้าหูหลี่จิ้ง จึงทำให้เขาโกรธมาก แล้วก็จัดการเผาศาลเจ้านาจาทิ้ง

นาจาซึ่งโกรธหลี่จิ้งเพราะไปเชื่อคำของพวกเจ้าสมุทรจนตนเองต้องตายอยู่แล้ว จึงยิ่งโกรธและอาฆาตพ่อของตนเองระดับไม่เผาผีนับแต่บัดนั้น

 

แต่เรื่องยังไม่จบง่ายๆ นะครับ ไทอี่เจินเหรินที่เป็นอาจารย์ของนาจาเห็นว่านาจามีฤทธิ์มาก สามารถปราบมารปีศาจได้ ก็เสียดายชีวิตลูกศิษย์ จึงชุบชีวิตนาจาด้วยการเอาก้านบัวมาทำกระดูก รากบัวมาทำเนื้อ ใยบัวมาทำเป็นเอ็น แล้วก็เอาใบบัวมาทำเป็นเสื้อผ้าให้ใส่ แถมยังมอบอาวุธวิเศษให้อีกสองชิ้นคือ ห่วงเพลิงที่ใช้เหาะเหินเดินอากาศได้ กับหอกเพลิงมาอีก จนนาจามีฤทธิ์ร้ายกาจเสียยิ่งกว่าเดิม

และพอได้ร่างเทพมาแล้ว นาจาก็ตามราวีหลี่จิ้งแบบไม่ลดละ ซึ่งสู้กันบ่อยเสียจนหลี่จิ้งก็สำนึกตนว่าสู้ลูกไม่ได้ ด้วยร่างตัวเองไม่ได้เป็นอมตะเหมือนนาจา จนเดือดร้อนพี่ชายของนาจาก็ออกมาสู้แทนพ่อเลยเหอะ (นาจาเป็นลูกคนสุดท้อง มีพี่ชายอีก 2 คนคือ จินจา กับมุจา)

ท้ายที่สุดหลี่จิ้งจึงตัดสินใจที่จะฆ่าตัวตายให้จบเรื่องไป แต่มหาเซียนของศาสนาเต๋าอีกคนหนึ่งคือเหวินซูกั้งฝาเทียนจุนมาห้ามไว้ ด้วยหลี่จิ้งเองก็เป็นคนดีมีความสามารถ และก็เป็นเทวดามาเกิดไม่ต่างกับนาจา ซึ่งก็ทำให้เรื่องยิ่งเดือดเพราะสงครามระหว่างพ่อ-ลูกคู่นี้ทำให้สุดยอดเซียนของศาสนาเต๋าสองคนต้องลงมาเกี่ยวข้อง

สุดท้ายต้องถึงมือมหาเซียนในศาสนาเต๋าอีกคนหนึ่งคือหยางเติ้งเต้าเหริน ออกมาจับนาจาไว้ด้วยจับนาจาขังไว้ในเจดีย์ (ถะจีน) ทอง ซึ่งนาจาก็แพ้ไปตามระเบียบ

หยางเติ้งเต้าเหรินได้มอบเจดีย์และถ่ายทอดวิธีใช้ให้กับหลี่จิ้ง เพื่อจะเอาไว้ใช้จับนาจา ไม่ให้ไปก่อเรื่องที่ไหนอีก

จากนั้นเป็นต้นมาหลี่จิ้งก็เลยกลายเป็นขุนพลสวรรค์ถือเจดีย์ทอง ไว้สำหรับคอยจับมารปีศาจมาขังไว้ ส่วนนาจาก็ไปเป็นขุนพลเฝ้าประตูสวรรค์คู่กับเทพสามตา เอ้อหลางเสิน เรื่องก็จบลงอย่างแฮปปี้เอนดิ้งด้วยประการฉะนี้

 

ตํานานเรื่องของ “นาจา” มีหลักฐานบันทึกไว้เป็นลายลักษณ์อักษร เก่าที่สุดอยู่ในหนังสือที่คนไทยเรียกกันว่า “ห้องสิน” ซึ่งก็คือตำนานของเทพ, ปีศาจ รวมไปถึงการสร้างโลกตามความเชื่อในศาสนาเต๋า ที่เขียนขึ้นเมื่อประมาณ พ.ศ.2100 กว่าๆ ตรงกับสมัยราชวงศ์หมิง ถ้าเทียบกับไทยก็อยู่ในช่วงระหว่างกรุงศรีอยุธยาแตกครั้งที่ 1 จนถึงสมัยพระเจ้าทรงธรรม

กล่าวโดยสรุป ห้องสินก็คือหนังสือที่รวบรวมเอาตำนานท้องถิ่นต่างๆ ในจีนมาเรียบเรียงเข้าด้วยกัน จนเป็นฉบับทางการนั่นแหละครับ

ดังนั้น ตำนานเรื่องนาจามันก็ต้องมีมาก่อนหน้านั้นแล้ว แถมยังควรมีหลายตำนาน และแต่ละตำนานก็มีรายละเอียดแตกต่างกันไป (ดังที่ผมได้เล่าไว้ข้างต้น) ซึ่งผมก็ไม่แน่ใจนักว่ามีมาตั้งแต่เมื่อไหร่

และแม้ว่านาจาจะเป็นตำนานของศาสนาเต๋าในจีน แต่ก็มีนักวิชาการเสนอว่า เรื่องของหลี่จิ้งกับนาจาเป็นอิทธิพลพราหมณ์-ฮินดู ที่เข้ามามีบทบาทในพุทธตันตระ

โดยหลี่จิ้งคือ “ท้าวกุเวร” (ศาสนาพุทธเรียก ท้าวเวสสุวรรณ) ส่วนนาจาคือลูกท้าวกุเวรที่ชื่อ “นลกุเวร”

 

ปกรณัมเรื่องนลกุเวรของพวกพราหมณ์เขาก็มีเนื้อหาเกี่ยวกับปมอิดิปุส ที่ลูกชายมีปัญหากับพ่อทำนองนี้เหมือนกัน โดยข้อเสนอของนักวิชาการท่านนี้ก็ได้รับความเชื่อถือกันแพร่หลาย โดยเฉพาะในจีนเลยทีเดียว

เพราะมีตัวอย่างชัดๆ ในคัมภีร์พุทธตันตระที่ชื่อ มหามยุรีวิทยาราชาสูตร ซึ่งจีนแปลภาษาสันสกฤตมา แล้วเรียกชื่อนลกุเวรด้วยสำเนียงการออกเสียงแบบจีนอย่างง่ายๆ ว่านาจาเลยเสียด้วย

ส่วนที่เราเห็นกันบ่อยๆ ในหนังหรือซีรีส์ซึ่งมักจะมีฉากนาจาไปรบกับซุนหงอคง ไม่ได้เป็นฉากที่อยู่ในหนังสือห้องสิน แต่มีในวรรณกรรมที่แต่งช่วงเวลาที่ใกล้เคียงกัน แถมยังเป็นที่รู้จักกันมากกว่าอย่างไซอิ๋วต่างหาก

ในไซอิ๋วเล่าว่า ก่อนที่หงอคงจะพบกับพระถังซัมจั๋ง ได้มาอาละวาดบนสวรรค์ ก็ท้ารบไปทั่ว ซึ่งก็ทำเอาขุนพลสวรรค์แต่ละรายถึงกับไปไม่เป็นกันทั้งสวรรค์

โดยหนึ่งในนั้นก็คือนาจานี่แหละ

จนในท้ายที่สุดก็ต้องมีเจ้าแม่กวนอิมหรือพระยูไลมาปราบ

 

น่าสังเกตนะครับว่าไซอิ๋วแต่งขึ้นในศาสนาพุทธ โดยมีพื้นฐานมาจากเรื่องจริงของพระภิกษุเสวี้ยนจัง (ถังซัมจั๋ง) ในช่วงต้นราชวงศ์ถัง บรรดาเซียนและเทพในศาสนาเต๋า ทั้งสวรรค์ รวมไปถึงนาจา ก็ต้องพ่ายแพ้ต่อว่าที่ลูกน้องของพระถังซัมจั๋งไปแบบชอกช้ำระกำทรวง

ส่วนหงอคงจะแพ้เซียนที่ไหนไม่ได้ คนจะปราบหงอคงได้ต้องเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ของฝ่ายพุทธแบบเจ้าแม่กวนอิม พระยูไล หรือพระถังซัมจั๋ง (ผ่านมนต์เจ้าแม่กวนอิมสอนให้พระถังซัมจั๋งท่องเพื่อให้มงคลบีบรัดหัวของหงอคง)

ส่วนใครหลายคนที่นึกเถียงผมในใจว่า ผู้ที่ปราบนาจาในท้ายที่สุดคือพระยูไล หรือเจ้าแม่กวนอิม ไม่ใช่หยางเติ้งเต้าเหรินเสียหน่อย อันนั้นก็ไม่ผิดครับ มีตำนานที่เล่าอย่างนั้นเช่นกัน

แถมเมื่อถูกทำเป็นภาพยนตร์หรือแอนิเมชั่นในสมัยปัจจุบันนี้ก็มักจะเลือกเอาตำนานสำนวนทำนองนี้มาเล่าเสียด้วย

แต่ในเอกสารที่เก่าที่สุดคือห้องสินเล่าว่า เป็นเต้าเหริน (หรือที่นิยายกำลังภายในชอบเลียนเสียงแล้วเขียนทับศัพท์เป็นไทยว่าเต้าหยิน คือนักพรตเต๋า) เป็นผู้มาปราบ ไม่ใช่สิ่งศักดิ์สิทธิ์พุทธที่ไปปราบเซียนเต๋าแบบนาจา

แต่ก็อย่างว่าแหละครับ ทั้งห้องสินและไซอิ๋ว ต่างก็เขียนขึ้นในช่วงเวลาใกล้เคียงกัน เพียงแต่เขียนกันบนพื้นฐานของคนละศาสนาความเชื่อ

ห้องสินคือปรัมปราคติของเต๋า

ส่วนไซอิ๋วคือนิทานของฝ่ายพุทธ

ดังนั้น บริวารของพระภิกษุองค์สำคัญอย่างพระถังซัมจั๋ง จึงย่อมมีฤทธิ์มากพอที่จะปราบเซียนเต๋าอย่างนาจา (และอีกสารพัดเซียนบนสวรรค์)

ดังนั้น ถ้าจะมีตำนานที่ว่า คนปราบนาจาจนยอมสยบราบคาบเป็นคนแรกจะเป็นพระยูไลหรือเจ้าแม่กวนอิมก็ไม่เห็นจะแปลกอะไรเลยสักนิด ไม่ใช่หรือครับ?