เสฐียรพงษ์ วรรณปก : พระพุทธเจ้าทรงแนะวัสสการพราหมณ์ ให้โจมตีเมืองเวสาลีจริงหรือ ?

พระพุทธเจ้ามิได้ปรินิพพานด้วยโรคอะไร (จบ)

4.พระพุทธเจ้าทรงแนะวัสสการพราหมณ์ ให้โจมตีเมืองเวสาลีจริงหรือ

ถึงบทความนี้จะไม่ยืนยันทรรศนะนี้ชัดเจน แต่จากน้ำเสียงที่พูดว่า “น่าประหลาดใจว่า ทรงแนะนำวัสสการพราหมณ์ทางอ้อม ผ่านทางการสนทนากับพระอานนท์ให้วัสสการพราหมณ์ได้ยิน” ทำให้ทราบว่า ผู้เขียนเชื่อว่าพระพุทธเจ้าทรงสนับสนุนให้พระเจ้าอชาตศัตรูโจมตีเมืองเวสาลีของกษัตริย์ลิจฉวี พูดอีกนัยหนึ่งว่า แนะนำให้ทำสงครามโดยบอกใบ้ให้ฝ่ายมคธไปทำลายความสามัคคีของกษัตริย์ลิจฉวี

ข้าพเจ้าเห็นว่า นี้เป็นเรื่องของการตีความจากบริบทที่มีอยู่

ใครมีคำตอบ หรือข้อสรุปอะไรอยู่ในใจไว้ก่อนแล้ว การตีความก็จะโน้มเอียงไปทางนั้น

ถ้ามีข้อสรุปในใจอยู่แล้วว่า พระพุทธเจ้าทรงมีความสนิทชิดเชื้อกับกษัตริย์แห่งมคธรัฐตั้งแต่พระเจ้าพิมพิสารเป็นต้นมา จึงมีแนวโน้มเข้าข้างฝ่ายมคธรัฐ เมื่อมีการรบกันก็อยากให้ฝ่ายมคธรัฐเป็นฝ่ายชนะ ก็อาจตีความออกมาพระพุทธเจ้าอยู่ข้างฝ่ายมคธรัฐ ทรงบอกใบ้ให้วัสสการพราหมณ์ไปทำลายความสามัคคีของฝ่ายกษัตริย์ลิจฉวี

แต่ถ้ามีข้อสรุปในใจว่า พระพุทธองค์ทรงคุ้นเคยกับเหล่ากษัตริย์ลิจฉวีมากและทรงรักและเป็นห่วงเมืองเวสาลีมาก แม้ขณะจะจากครั้งสุดท้าย ยังทรงเอี้ยวพระกายไปมองในท่า “นาคาวโลก” ตรัสกับพระอานนท์ว่า เป็นครั้งสุดท้ายแล้วที่จะเห็นเมืองนี้อีก

พระพุทธองค์ทรงชอบระบบการปกครองแบบสามัคคีธรรมของพวกกษัตริย์ลิจฉวี เพราะเป็นระบบเดียวกับเหล่าศากยะ

ไม่อยากให้ระบบการปกครองนั้นเสื่อมสลาย จึงตรัสเปรยกับพระอานนท์ ทำนองบอกใบ้ให้ล่วงรู้ไปถึงเหล่ากษัตริย์ลิจฉวี ว่าให้สามัคคีไว้ดังที่เคยมา อย่าให้แตกสามัคคี จะตกเป็นเหยื่อของกษัตริย์แห่งมคธรัฐ ก็อาจจะตีความว่า พระพุทธเจ้าทรงเข้าข้างเหล่ากษัตริย์ลิจฉวี

ไม่ว่าจะตีความอย่างไรก็ตาม นับว่าไม่รู้ซึ้งถึงพระคุณทั้งสามของพระพุทธองค์ ไม่รู้อุดมการณ์ของพระพุทธองค์และพระพุทธศาสนา

พระพุทธเจ้าทรงมีอุดมการณ์เพื่อช่วยสัตว์โลกให้พ้นจากความทุกข์ตั้งแต่ทุกข์ระดับพื้นฐานจนถึงทุกข์ระดับสุดยอด คือ ทุกข์ในสังสารวัฏ (การเวียนเกิดเวียนตายในชาติภพต่างๆ หาที่สุดมิได้) ทรงบำเพ็ญบารมีเพื่อตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธะ ก็เพื่อ “ชนสรรพสัตว์ออกจากสังสสารทุกข์” นี้เท่านั้น

เมื่อส่งสาวก 60 ปี รุ่นแรกออกไปเผยแผ่คำสอน ก็ตรัสย้ำถึงอุดมการณ์ว่าให้จาริกไปเพื่อประโยชน์แก่คนจำนวนมาก เพื่อความสุขแก่คนจำนวนมาก เพื่ออนุเคราะห์โลก เพื่อประโยชน์เกื้อกูล เพื่อความสุขแก่เทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย

เมื่อพระองค์มีอุดมการณ์อย่างนี้มีพระมหากรุณาใหญ่หลวงปานนี้ พระองค์ย่อมจะไม่มีอคติ เข้าข้างฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งหรือคนใดคนหนึ่ง

หากทรงมุ่งหวังให้สรรพสัตว์ทุกรูปนาม มีความสุข พ้นทุกข์ ไม่เบียดเบียนซึ่งกันและกัน

นี่คือความเป็นจริง

การไปดึงพระพุทธองค์ให้เข้าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง เป็นกิเลสของคนคนนั้นเอง วัสสการพราหมณ์มีเป้าหมายในใจแล้วว่า จะไปหา “เบาะแส” หรือ “แนวทาง” ที่จะตีเมืองเวสาลีให้ได้เหมือนคนบ้าหวย มีเป้าหมายจะหาตัวเลขอยู่ในใจแล้ว

เมื่อไปหาพระพุทธเจ้า จึงเลียบเคียงถามหยั่งท่าทีว่า พระเจ้าอชาตศัตรูปรารถนาจะยกทัพไปทำลายแคว้นวัชชี จักคัดพวกวัชชีที่มีฤทธิ์มาก พระองค์จะอย่างไร

พระพุทธเจ้าตรัสตอบแก่วัสสการพราหมณ์ ดุจคนถามหวยว่างวดหน้าจะออกเลขอะไร พระท่านมิได้ตอบ ฉันใดฉันนั้น พระองค์ทรงหันไปตรัสกับพระอานนท์ถึงเรื่องที่เป็น “ธรรมะ” หรือความจริงที่เป็นสากล

ตรัสถามพระอานนท์ว่า เคยได้ยินไหมว่าพวกเจ้าลิจฉวีเขาหมั่นประชุมกันเนืองนิตย์ พร้อมเพรียงกันประชุม พร้อมเพรียงกันเลิก ไม่บัญญัติกฎระเบียบโดยพลการ ไม่ยกเลิกข้อบัญญัติโดยพลการ เคารพนับถือบูชาผู้ใหญ่ที่มีประสบการณ์ ไม่ฉุดคร่าสตรีหรือกุมารี เคารพสักการบูชาเจดีย์ ให้อารักขาคุ้มครองอันชอบธรรมแก่พระอรหันต์ทั้งหลาย

พระอานนท์กราบทูลว่าเคยได้ยิน พระองค์จึงตรัสต่อไปว่า ตราบใดที่เหล่ากษัตริย์ลิจฉวียังมั่นในอปริหานิยธรรมทั้ง 7 ประการนี้ พึงหวังแต่ความเจริญอย่างเดียว ไม่มีเสื่อมเลย

เป็นการตรัส “ธรรมะ” คือความจริงว่า ไม่ว่าถ้าใครมีธรรมะครบทั้ง 7 ข้อนี้ย่อมมีแต่ความเจริญ ไม่มีความเสื่อม เป็นการแสดงธรรมเป็นกลางๆ ไม่เห็นมีตรงไหนที่สนับสนุนให้พราหมณ์ไปทำลายสามัคคีกษัตริย์ลิจฉวี วัสสการพราหมณ์ต่างหากที่มีเป้าหมายในใจไว้แล้ว พอได้ยินพระพุทธดำรัสดังนี้ก็ “ตีปริศนา” ออกมาทันที่ว่า “อ้อ มันต้องทำให้แตกสามัคคี”

ดุจดังคนบ้าหวยไปถามพระว่า งวดหน้าเลขอะไร พระไม่ตอบ แต่เทศน์สอนว่า คนเราถ้าอยากรวยไม่ควรสนใจการพนัน ควรปฏิบัติธรรมอันเรียกว่า “หัวใจเศรษฐี 4 ประการ คือ หนึ่ง สอง” ฯลฯ

พระทรงแสดงธรรมแท้ๆ เจ้าคนบ้าหวยมันไปตีว่า “อ้อ พระท่านให้เลข 4 งวดหน้า 40 แน่นอน” ถามว่า ผิดที่พระหรือที่คนบ้าหวย ฉันใดก็ฉันนั้น

ถ้าสมมติว่าจะเกณฑ์ให้พระพุทธเจ้า “เข้าข้าง” ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งจริงๆ (สมมติว่าคิดพิเรนทร์ปานนั้น) แทนที่จะเข้าข้างอชาตศัตรู กลับเข้าข้างกษัตริย์ลิจฉวีด้วยซ้ำ

ในพระสูตรนี้แหละเล่าต่อมาว่า หลังจากนั้น พระพุทธองค์เรียกประชุมสงฆ์ทันที เรื่องวัสสการพราหมณ์เข้าเฝ้า แล้วพระองค์ตรัสสอน อปริหานิยธรรม (ธรรมที่ไม่ทำให้เสื่อม) สำหรับภิกษุสงฆ์ 6-6 นัย

การเคลื่อนไหวถึงขั้นประชุมสงฆ์ แล้วตรัสสอนเน้นให้สงฆ์สามัคคี คงมิใช่เรื่องเล็กๆ เงียบๆ เสียงย่อมดังไปถึงแคว้นวัชชี เท่ากับเตือนเหล่ากษัตริย์ลิจฉวี ที่พระองค์ทรงรักและผูกพันมากว่ากำลังจะเกิดอะไรขึ้น ให้รักษาอปิรหานิยธรรมที่เคยมีไว้ให้ดี แล้วจะได้ไม่ตกเป็นเหยื่อของผู้รุกราน

ตีความอย่างนี้ได้ไหมครับ ได้แน่นอน ถ้าเราเอา “กิเลส” ส่วนตัวของเราไปตัดสินพระจริยาวัตรของพระพุทธองค์

ถ้าเราลืมว่า พระพุทธองค์ทรงรักเมตตาสรรพสัตว์ทุกหมู่เหล่าทัดเทียมกัน ด้วยพระมหากรุณาอันใหญ่หลวง ไม่ต้องการให้ใครเบียดเบียนกันแม้แต่น้อย

ถ้าเราเป็นเหมือนคนบ้าหวย มีเป้าในใจแล้ว พยายามตีอะไรเป็นตัวเลขหมด

แต่ความผิดอยู่ที่เราครับ ไม่ได้อยู่ที่พระท่าน

การเกณฑ์ให้พระพุทธองค์เข้าข้างฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ไม่ว่าจะฝ่ายมคธรัฐผู้รุกรานหรือฝ่ายวัชชีผู้รุกราน ล้วนเป็นสิ่งที่ไม่บังควรทั้งสิ้น

จึง “น่าประหลาด” ที่พระคุณเจ้าผู้เขียนบทความ กล้าตีความว่า พระพุทธเจ้าทรงแนะให้วัสสการพราหมณ์วางแผนทำลายพวกวัชชี

ประหลาดที่ศิษย์ตถาคตกล้ากล่าวหาพระศาสดาของตน