ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 4 - 10 พฤษภาคม 2561 |
---|---|
คอลัมน์ | หน้า8 |
เผยแพร่ |
“การดูด คือ ครรลองประชาธิปไตย”
เป็นวาทะของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่ประกาศว่าจะ “ปฏิรูปการเมือง”
ว่ากันว่า ถ้า “ริป แวน วิงเคิล” ยังลืมตาอยู่ตอนรัฐประหาร 22 พฤษภาคม 2557
ก่อนจะนอนหลับไปจากนั้นอีก 2-3 เดือนต่อมา
วันนี้ถ้าเขาตื่นขึ้นและได้ยินวาทะประชาธิปไตยแบบ คสช.
“ริป แวน วิงเคิล” คงตกใจ
นึกไม่ถึงว่าคนที่พูดประโยคนี้ คือคนเดียวกับที่เคยบอกว่าจะปฏิรูปการเมืองหลังการยึดอำนาจ
เขาคงสงสัยว่าทำไม “อำนาจ” จึงทำให้คนเปลี่ยนไปได้ขนาดนี้
ที่สำคัญ คนที่สงสัย ไม่ได้มี “ริป แวน วิงเคิล” เพียงคนเดียว
คนไทยส่วนใหญ่ก็งงเหมือนกัน
ประติมากรรมของ “การดูด” ในยุคนี้ น่ากลัวกว่าครั้งที่ผ่านๆ มา
ในอดีตสมัยพรรคความหวังใหม่และพรรคไทยรักไทย “ดูด”
ทั้ง 2 พรรคใช้ “ปัญหา” เป็น “หลอดดูด”
นายเสนาะ เทียนทอง และกลุ่มวังน้ำเย็น มีปัญหากับพรรคชาติไทย
“ความหวังใหม่” ก็ดูดเข้ามา
“ป๋าเหนาะ” มีปัญหากับพรรคความหวังใหม่
“ไทยรักไทย” ก็ดูดเข้ามา
ส่วนเรื่องผลประโยชน์หรือการต่อรองเรื่องตำแหน่งการเมืองก็มีอยู่บ้าง
แต่ไม่ใช่ปัจจัยหลัก
ไม่เหมือนกรณีการดูดในยุค พล.อ.ประยุทธ์
ที่นอกจากไม่ได้ใช้ “ปัญหา” เป็น “หลอดดูด” แล้ว
แต่ยังใช้ “อำนาจ” เด็ดขาดในมือและพลังสีเขียวกดดันให้กลุ่มการเมืองต่างๆ เข้ามาร่วมในกระบวนการสืบทอดอำนาจ
การเสนอผลประโยชน์และการต่อรองตำแหน่งการเมือง
รวมทั้งการตกเขียวให้ตำแหน่งล่วงหน้าในรัฐบาลชุดนี้
ครบเครื่องเรื่อง “การดูด” ยุค 4.0
แต่ที่น่ากลัวที่สุดคือ การยอมใช้เรื่อง “ความยุติธรรม” เป็น “หลอดดูด”
กรณีของ “กำนันเป๊าะ” และกลุ่มพลังชล ชัดเจนอย่างยิ่ง
นี่คือสิ่งที่น่ากลัวที่สุดของ “การดูด” ครั้งนี้
สหายท่านหนึ่งวิเคราะห์ว่า ถ้า พล.อ.ประยุทธ์เชื่อว่า “การดูด คือ ครรลองประชาธิปไตย” จริง
แนวคิดนี้ถือว่าสวนทางกับกระแสอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมในปัจจุบัน
เพราะ “การดูด” ต้องใช้ “หลอด”
ในขณะที่กระแสอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมโลกที่แรงมากในวันนี้คือ การรณรงค์ให้คนเลิกใช้ “หลอด”
เนื่องจาก “หลอดพลาสติก” เป็น “ขยะ” ที่พบมากเป็นอันดับ 2 บริเวณริมชายหาด
“การดูด” จึงเป็นหนึ่งในกระบวนการสร้าง “ขยะ”
“ขยะพลาสติก” ว่าน่ากลัวแล้ว
“ขยะประชาธิปไตย” น่ากลัวกว่า