วิถีแห่งอำนาจ เอี้ยก่วย /เสถียร จันทิมาธร / แม้อยู่ใกล้ แต่เหมือนไกล (138)

เสถียร จันทิมาธร

วิถีแห่งอำนาจ เอี้ยก่วย
เสถียร จันทิมาธร

แม้อยู่ใกล้ แต่เหมือนไกล (138)

แม้สตรีงามจะเผลอปล่อยบทสรุป “ผู้แซ่เอี้ยไหนเลยจะยินยอมกระทำเรื่องที่ขาดทุน” ออกมาอย่างมากด้วยอารมณ์ กระนั้น “ภาพ” ของ “ชาวยุทธ์เจ้าอินทรี” ก็เริ่มชัด
ชัดจาก “ชายแซ่ซ่ง” มายัง “สตรี” วัยกลางคน
“เรามีเปียม่วยนางหนึ่งมีวาสนาพบพาน ‘ชาวยุทธ์เจ้าอินทรี’ นางก็เห็นเขาเหม่อมองท้องทะเลด้วยสีหน้าประหลาดพิกลจึงออกปากถามไถ่ ‘ชาวยุทธเจ้าอินทรี’ บอกว่า เขามีภรรยาอยู่อีกฟากหนึ่งของทะเลไม่อาจพบพาน
“เปียม่วย เราถามว่าเหตุใดไม่ข้ามทะเลไปหานาง ‘ชาวยุทธ์เจ้าอินทรี’ บอกว่า ท้องทะเลเวิ้งว้าง ไม่ทราบไปยังที่ใดจึงได้พบพาน
“ด้วยรูปโฉมโนมพรรณของเปียม่วย เราความจริงนับเป็นหญิงงามนางหนึ่ง ‘ชาวยุทธ์เจ้าอินทรี’ ช่วยเหลือมารดานาง สังหารบิดานาง เปียม่วย เราลอบนิยมชมชอบ ‘ชาวยุทธ์เจ้าอินทรี’ หรือไม่ ผู้อื่นไม่มีปัญญาทราบได้
“ตอนนี้นางแต่งงานกับคนชนบทที่สัตย์ซื่อถือมั่นผู้หนึ่ง ‘ชาวยุทธเจ้าอินทรี’ มอบเงินให้แก่นางจำนวนหนึ่ง นับว่ามีความเป็นอยู่ไม่เลว”
หญิงสาวนั้นกล่าวว่า “ชาวยุทธ์เจ้าอินทรี” ช่วยเหลือมารดานาง สังหารบิดานาง เรื่องนี้ประหลาดแท้

คําบอกเล่าด้วยความประทับใจจาก “ชาวบ้าน” เป็นเรื่อง 1 ความรับรู้จากสตรี 2 คนที่ขัดแย้งในทางความคิดต่อ “ชาวยุทธ์เจ้าอินทรี” ต่างหากที่น่าศึกษา
คนใดมีนามว่าอย่างไร หากรับฟังคำสนทนาโต้ตอบจะค่อยๆ เข้าใจ
“คนผู้นี้มีนิสัยใจคอประหลาดพิกล ยามอารมณ์ดีช่วยชีวิตคน พออารมณ์ร้ายก็สะบัดกระบี่ฆ่าคน ใช่แล้ว เขาเป็นเช่นนี้ตั้งแต่เล็ก”
“ท่านทราบได้อย่างไร”
“ข้าพเจ้าทราบดี คนผู้นี้ย่อมมีฝีมือสูงเยี่ยม แต่เปรียบกับบิดายังห่างไกลกว่ามากนัก เด็กหญิงน้อยไม่รู้ความ ปล่อยให้คนอื่นแต่งเติมเพิ่มสีก็เข้าใจว่าคนผู้นี้ยอดเยี่ยมปานใด ซึ่งความจริงเจ้าก็เคยพบหน้าคนผู้นี้ มิหนำซ้ำ เขายังเคยอุ้มเจ้า”
“ท่านมีศักดิ์เป็นเจ้เจ๊ กลับกล่าววาจาเลอะเทอะเหลวไหล ผู้ใดยินยอมเชื่อท่าน”
“เจ้าไม่เชื่อก็แล้วแต่เจ้า ‘ชาวยุทธ์เจ้าอินทรี’ อะไรนั่น แซ่เอี้ย นามก่วย เมื่อเยาว์วัยเคยพักอาศัยที่เกาะดอกท้อของพวกเรา แขนของเขาข้างนั้น ถูก…ถูก… อืมม์ เจ้าถือกำเนิดออกมาไม่ถึง 1 วัน เขาก็อุ้มเจ้าแล้ว”
เพียงแค่นี้ก็แจ่มชัดว่า ใครเป็นใคร

ท่าทีต่อ “ชาวยุทธ์เจ้าอินทรี” ระหว่าง 2 พีน้อง ก๊วยพู้และก๊วยเซียงแตกต่างกันอย่างมาก แตกต่างตามรากฐานความสัมพันธ์
แน่นอน ก๊วยพู้ย่อมมี “ปม” ขณะที่ก๊วยเซียงไม่มี
“เช่นนี้เป็นว่าเขากับพวกเรามีไมตรีต่อกัน ไฉนไม่ได้ไปมาหาสู่ งานชุมนุมผู้กล้าที่เมืองเซียงหยางในวันที่ 15 เดือน 3 เขาต้องเดินทางมาร่วมด้วยอย่างแน่นอน”
“คนผู้นี้มีความประพฤติประหลาดพิกล นิสัยใจคอก็เย่อหยิ่งยโส เขาคงไม่รุดมา”
“เจ้เจ๊ พวกเราสมควรนึกหาวิธีส่งเทียบเชิญถึงเขาสักฉบับหนึ่ง” พลางเหลียวหน้าไปยังชายแซ่ซ่ง
“ซ่งตั้วเจ่ก ท่านสามารถหาทางส่งข่าวถึง ‘ชาวยุทธ์เจ้าอินทรี’ ได้หรือไม่”
“‘ชาวยุทธ์เจ้าอินทรี’ ท่องเที่ยวไปทั่วทั้งแผ่นดิน ไม่มีหลักแหล่งที่แน่นอน หากเขามีเรื่องใช้สอยพวกเราก็จะออกคำสั่งมาถึง หากพวกเราคิดเสาะหาเขา ชั่วชีวิตนี้ไม่แน่ว่าจะหาพบ”
ก๊วยเซียงบังเกิดผิดหวังยิ่ง

นางได้ยินทุกผู้คนบอกเล่าวีรกรรมของ “ชาวยุทธ์เจ้าอินทรี” ว่าช่วยเหลือทายาทเฮ้งยุ่ยตง ปลิดปลงตั้งไต้ฮึง สอบสวนเต็งไต้ซ้วน ไถ่ตัวซ่งโหงว ฆ่าบิดา ช่วยเหลือมารดาผู้อื่น
อดนิยมเลื่อมใสมิได้
พอได้ยินเจ้เจ๊บอกว่า นางเมื่อแรกเกิด “ชาวยุทธ์เจ้าอินทรี” เคยอุ้มนางถึงกับหัวใจร้อนผะผ่าว ปรารถนาใคร่พบหน้าเขาสักครั้ง รอจนได้ยินว่า “ชาวยุทธเจ้าอินทรี” คงไม่มาร่วมงานชุมนุมผู้กล้าที่เมืองเซียงหยาง ต้องทอดถอนใจออกมา
พลันได้ยินเสียงดังปง กลับเป็นคนที่นอนขดตัวหลับใหล เอ่ยปากกล่าววาจา
“โกวเนี้ยต้องการพบชาวยุทธ์เจ้าอินทรีไม่ยากนัก คืนนี้เราจะนำพาท่านไปพบเอง”