มนัส สัตยารักษ์ : บ่อนรอบบ้าน

แม้เมืองไทยจะไม่มีกาสิโนถูกกฎหมาย แต่เราก็มีการพนันถูกกฎหมาย นั่นคือเรามีสนามม้าถูกกฎหมาย มีสลากกินแบ่งถูกกฎหมาย และก่อนหน้านี้เรามีสลากกินรวบถูกกฎหมายด้วย

อย่าได้คิดว่าการไม่มีกาสิโนจะทำให้ภาพของประเทศขาวสะอาดกว่าเพื่อนบ้าน

คำว่า “ถูกกฎหมาย” เสมือนเป็นเพียงนามธรรม คำนี้ไม่ได้ลบล้างคำว่า “อบายมุข” ตามคำสอนของศาสนา รวมทั้งไม่ได้ช่วยให้ “ภาพลักษณ์ของประเทศ” ดูดีขึ้นแต่อย่างใด

เรามีบ่อนการพนันทุกประเภทเกลื่อนทั่วเมือง ในขณะที่มีหวยบนดินเราก็ยังคงมีหวยใต้ดินคู่กันไปอย่างไม่เสื่อมคลาย ในสนามม้าถูกกฎหมายเราก็ยังมี “โต๊ดเถื่อน” ผิดกฎหมายด้วย

ผมไม่แน่ใจว่าประเทศเพื่อนบ้านเขามี “บ่อนเถื่อน” ชุกชุมเหมือนเมืองไทยหรือเปล่า แต่เชื่อได้ว่าถึงมีก็คงจะไม่ใหญ่โตมโหฬารเท่าของไทย ที่สำคัญมั่นใจว่าเขาคงไม่มีมาเฟียคุมบ่อนระดับนายพลอย่างเมืองไทยแน่นอน

ในบทที่ว่าด้วย “ครูกับบ่อน” ผมพูดถึงบ่อนเพื่อนบ้านเพียง 2 บ่อน คือบ่อนกาสิโนสุวรรณเขต (สะหวันนะเขต) สปป.ลาว ฝั่งตรงข้ามกับจังหวัดมุกดาหาร กับบ่อนกาสิโนปอยเปต กัมพูชา เขตติดต่อกับจังหวัดสระแก้ว บ่อนแรกอยู่ทางภาคอีสานตอนบน ส่วนปอยเปตอยู่ทางด้านทิศตะวันออกของประเทศไทย

ผมยังไม่ได้พูดถึงบ่อนทางทิศเหนือตรงที่เรียกกันว่า “สามเหลี่ยมทองคำ” ซึ่งเป็นพื้นที่รอยต่อระหว่างเมียนมา สปป.ลาว และไทย (เชียงแสน จังหวัดเชียงราย) ฝั่งลาวมีกาสิโนชื่อ Kings Roman Casino นายทุนใหญ่เป็นคนจีน บ่อนหรูหราแห่งนี้ทำให้ “บ่อนท่าขี้เหล็ก” ฝั่งเมียนมา ซึ่งนายทุนเป็นคนไทยซบเซาจนกลายเป็นบ่อนระดับล่าง

ทางฝั่ง สปป.ลาวมีบ่อนมากมายที่ดูดเงินนักพนันชาวไทยไปอย่างมหาศาล มีกระทั่งบ่อนออนไลน์ที่ไม่ต้องโหลดโปรแกรมหรือแอพพลิเคชั่นอะไรให้ยุ่งยาก

ทางทิศตะวันออกของไทยด้านประเทศกัมพูชาเฉพาะที่ปอยเปต นักท่องเที่ยวไทยเล่าให้ฟังว่ามีบ่อนหรูหราอย่างน้อย 5 แห่ง ผมเคยเข้าไปเที่ยวหนหนึ่งทางด่านโรงเกลือ อรัญประเทศ ยืนยันได้ว่าลูกค้าเป็นคนไทยไม่ต่ำกว่า 80 เปอร์เซ็นต์

จุดที่โด่งดังมากอีกแห่งคือที่จังหวัดเกาะกง ของกัมพูชา เป็นพื้นที่ติดทะเลและเป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญ มีชายแดนติดกับไทยตรงบ้านหาดเล็ก อำเภอคลองใหญ่ จังหวัดตราด เกาะกงนับเป็นชุมชนสองแผ่นดิน ผมไม่อยากฟื้นความหลังทางประวัติศาสตร์ แต่ครั้งที่ผมยังหนุ่มผมเข้าใจว่าเกาะกงเป็นของประเทศไทย

มาวันนี้แม้ระงับความเสียดายผืนแผ่นดินลงได้ แต่ก็ยังเสียดายผลประโยชน์หรือทรัพย์สินที่ไม่น่าจะเสียไป ราวกับคนไทยเอาทรัพย์สินมาโยนทิ้งเสียเปล่าๆ ที่นี่ ด้วยเหตุผลงี่เง่าของผู้นำไทยที่ว่า รักษาภาพลักษณ์ ประเทศไทยที่เป็นเมืองพุทธ

ข้ามมาทางฝั่งตะวันตกซึ่งมีประเทศเมียนมาอยู่ติดกับไทยจากเหนือสุดไปจนถึงทะเลอันดามัน

เดิมบ่อนเกาะสน หรืออันดามันคลับเป็นบ่อนกาสิโนแรกๆ ในแถบนี้ ตั้งอยู่ตรงข้ามตำบลปากน้ำ อำเภอเมืองระนอง ห่างจากท่าเรือฝั่งไทยเพียง 3 ก.ม.เท่านั้น ต่อมาเปิดอีกแห่งใกล้กันที่เกาะสองเป็น “เกาะคู่” อันโด่งดัง ถือเป็นเมืองท่องเที่ยวสำคัญ ผมผ่านระนองและแวะพักแถวนี้มาไม่รู้กี่ครั้งแต่ไม่เคยข้ามไปเที่ยวเกาะสองและเกาะสน

เพื่อนตำรวจที่ไปดูงานการท่องเที่ยวและกาสิโนเล่าให้ฟังว่า เหมือนกับบ่อนเพื่อนบ้านชายแดนไทยทั้งหลายแหล่ นั่นคือ คนไทยหุ้นใหญ่ ลูกค้าที่เข้าไปจับจ่ายเป็นคนไทยราว 80 เปอร์เซ็นต์ ที่เหลืออีก 20 เปอร์เซ็นต์จะเป็นนักท่องเที่ยวต่างประเทศที่มาทางเมืองไทย ซึ่งกลุ่มนี้น่าที่จะจับจ่ายในประเทศของเรา ถ้าเราไม่แกล้งโง่จนเกินไป

ถัดขึ้นไปทางเหนือตรงเมืองเมียวดี ประเทศเมียนมา ริมแม่น้ำเมย ตรงข้ามอำเภอแม่สอดและแม่ระมาด จังหวัดตาก นายทุนไทย-เมียนมาได้ลงทุนถึง 100 ล้านสร้างเมียวดีคอมเพล็กซ์ทันสมัย แต่ที่นี่มีข่าวพระภิกษุกับชาวบ้านประมาณ 1,000 คนรวมตัวกันประท้วง เพราะมีเยาวชนทั้งไทยและเมียนมาติดพนันงอมแงม

ตรงพื้นที่ชายแดนของอำเภอแม่สอดตรงส่วนที่ติดต่อกับเมียนมา มีข่าวคนไทยด้วยความร่วมมือกับข้าราชการไปเปิดบ่อน ทางการได้ปฏิเสธข่าว แต่ต่อมาไม่นานก็ยอมรับว่าเป็นพื้นที่ส่วนที่เรียกกันว่า “โน แมนส์ แลนด์” ระหว่างประเทศทั้งสอง

ผมอาจจะนำเที่ยว “บ่อนชายแดน” ไม่ครบถ้วน แต่ผมยืนยันได้ว่าทุกประเทศรอบบ้านเราต่างมีบ่อนกาสิโนถูกกฎหมาย

บ่อนกาสิโนที่ห่างออกไปจากชายแดนไทย คือบ่อนกาสิโนในสิงคโปร์ ประเทศที่ถูกอ้างเสมอในการดีเบตเพื่อต่อต้าน พวกเขาชอบอ้างว่า “สิงคโปร์เป็นประเทศที่พัฒนาจนเป็นผู้นำทางเศรษฐกิจและสังคมโดยเขาไม่ต้องเปิดบ่อนกาสิโน”

แต่เมื่อสิงคโปร์เปลี่ยนใจเปิดบ่อนกาสิโนถูกกฎหมาย (ด้วยเหตุผลของเศรษฐกิจและคุณภาพชีวิตของประชาชน) เขาทำในลักษณะเอ็นเตอร์เทน คอมเพล็กซ์ แถมมี “เรือสำราญ” ขนาดใหญ่ตามแบบความบันเทิงชั้นสูงเป็นจุดดึงดูดนักท่องเที่ยว

เชื่อว่าเขาต้องทำได้ดีและเป็นระบบที่สมบูรณ์แบบ ทั้งนี้ โดยไม่เสียภาพลักษณ์ (ที่นักการเมืองไทยเราเป็นห่วงกันนักหนา)

นอกจากไม่เสียภาพลักษณ์แล้ว ผมเชื่อมือผู้นำสิงคโปร์ว่า บ่อนของเขาต้องติดอันดับโลกเช่นเดียวกับสวนสาธารณะและการศึกษาอีกด้วย

อีกแห่งแม้จะไกลออกไปคือบ่อนในเกาะมาเก๊า เกาะขนาดเล็กมากเป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษ บ่อนมาเก๊าเป็นบ่อนยอดฮิตของคนไทย มีคนไทยไปเที่ยวและละลายทรัพย์ถึงปีละประมาณ 2 แสนคน ผมเข้าไปเดินเล่นเพียงชั่วโมงเดียวก็เบื่อ แวะดูสาวเยอรมันเต้นรำเปลื้องผ้านิดหน่อยก็กลับไปนอน

บ่อนกาสิโนต่างประเทศแห่งแรกที่ผมเคยเข้าไปคือ เกนติ้งกาสิโน มาเลเซีย (Genting Highlands) ปีที่ผมเข้าไปดูเหมือนเขายังสร้างไม่เสร็จ อยู่ในระหว่างขยายหรือปรับปรุงนี่แหละ แต่ส่วนที่เป็นบ่อนกาสิโนเปิดใช้งานเป็นข่าวครึกโครมแล้ว

ช่วงเวลานั้นผมไม่สนใจการพนันเท่าไร อาจจะเป็นเพราะมีสติมากกว่ามีสตางค์ก็เป็นได้ พอโยก “ไอ้แขนเดียว” อยู่พักหนึ่งก็เบื่อที่เสียมากกว่าได้ จึงออกไปนั่งจิบกาแฟชมวิวหุบเขาที่ยังเเป็นสีเขียวดิบๆ คล้ายบ้านเรา

แต่พอไปครั้งที่ 2 และครั้งที่ 3 ผมเริ่มสนใจในแง่ของยุทธศาสตร์ชาติ เพราะเห็นได้ชัดเจนว่าบ่อนเกนติ้งปรับเปลี่ยนหรือต่อเติมบางส่วนเป็นสวนสนุกและสวนสาธารณะ บริเวณหุบเขาได้กลายเป็นเมืองท่องเที่ยวขนาดใหญ่

ผมถามไกด์ว่า ชาวมาเลย์ไม่ประท้วงหรือที่ขุดและถากภูเขาทำบ่อนกาสิโน

“มีบ้างเล็กน้อยตอนเริ่ม แต่พอลุยทำเสร็จแล้ว-ไม่มี” ไกด์ตอบ

ครั้งล่าสุดที่ผมไปเกนติ้ง ผม “นอนคลุกหมอก” หลับอย่างเป็นสุขโดยเปิดหน้าต่างโรงแรมสัมผัสธรรมชาติล้วนๆ โดยไม่แตะต้องการพนันแม้แต่น้อย

สรุปได้ว่า ทุกประเทศเพื่อนบ้านที่มีบ่อนกาสิโนอย่างมาเลเซียและสิงคโปร์ไม่ได้มีปัญหาสังคมมากไปกว่าไทย เขาไม่มีปัญหา “รวยกระจุกจนกระจาย” และเขาไม่มีปัญหาคอร์รัปชั่นมากเท่าไทย