อ่านเกมแต่งตั้งสีกากี ยุค(ยัง)รอปฏิรูป เว้นสเป๊ก ดัน 4 ที่ปรึกษา กรุยทาง เปิดเก้าอี้นายพล 2561

สัปดาห์ที่ผ่านมาแวดวงสีกากีคึกคักอีกครั้ง

เรื่องหนึ่งคือ “การปฏิรูปตำรวจ” ที่เหมือนใกล้จะถึงเส้นชัย กลับเริ่มนับหนึ่งใหม่อีกครั้ง

ผลสรุปชุด “บิ๊กสร้าง” พล.อ.บุญสร้าง เนียมประดิษฐ์ ถูกพับขึ้นหิ้ง

คิดใหม่ทำใหม่ โดยชุดอดีตประธานคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ “นายมีชัย ฤชุพันธุ์” ซึ่งต้องติดตามกันต่อไป

การปฏิรูปตำรวจที่พูดมานาน ใช้เป็นหนึ่งในชนวนการรัฐประหาร จี้จุดอ่อนการแต่งตั้งโยกย้ายตำรวจไทย ชี้เป้าสารพัดปัญหา เรื่องแต่งตั้งโยกย้าย ที่บั่นทอนองค์กรสีกากี ขีดเส้นใต้เป็นไฮไลต์หลักในการปฏิรูปตำรวจ เขียนกำกับไว้ในรัฐธรรมนูญ มาตรา 258

“…แก้ไขปรับปรุงกฎหมายเกี่ยวกับการบริหารงานบุคคลข้าราชการตํารวจให้เกิดประสิทธิภาพ มีหลักประกันว่าข้าราชการตํารวจจะได้รับค่าตอบแทนที่เหมาะสมได้รับความเป็นธรรมในการแต่งตั้งโยกย้าย และการพิจารณาบําเหน็จความชอบตามระบบคุณธรรมที่ชัดเจน ในการพิจารณาแต่งตั้งและโยกย้ายต้องคํานึงถึงอาวุโสและความรู้ความสามารถประกอบกันเพื่อให้ข้าราชการตํารวจสามารถปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างมีอิสระ ไม่ตกอยู่ใต้อาณัติของบุคคลใด มีประสิทธิภาพและภาคภูมิใจในการปฏิบัติหน้าที่ของตน”

จนวันนี้สู่ไตรมาส 2 ของปี 2561 รัฐประหารผ่านไป 4 ปี แต่เรื่องปฏิรูปองค์กรสีกากีก็ยังไปไม่ถึงไหน

ขณะที่การแต่งตั้งโยกย้ายตำรวจวาระแล้ววาระเล่าของสำนักงานตำรวจแห่งชาติในอ้อมกอด คสช. ตลอด 4 ปีที่ผ่านมา คล้ายว่าไม่สอดคล้องกับคำว่าปฏิรูปนัก

สะท้อนจากที่วันนี้การแต่งตั้งโยกย้ายตำรวจวาระปีที่แล้ว (2560) ยังดำเนินการไม่เสร็จ

ต้นสัปดาห์หน้าเพิ่งจะนัดกลั่นกรองโยกย้ายแต่งตั้งรองสารวัตร-ผู้บังคับหมู่ ของวาระประจำปี 2560

และมองย้อนไปในการแต่งตั้งระดับสารวัตร-รองผู้บังคับการที่ผ่านมา ซึ่งเพิ่งสะเด็ดน้ำเมื่อปลายเดือนมีนาคม

ผลจากการแต่งตั้งโยกย้ายเกือบหมื่นตำแหน่ง ตำรวจจำนวนมากเลือกยื่นลาออกจากราชการ ตำรวจผลงานดีหลายคนต้องร้องแรกแหกกระเชอที่ถูกเด้งไม่เป็นธรรม จนเกิดคำสั่งเปลี่ยนแปลง เหล่านี้คือความจริงที่ปรากฏ

หากตลอด 4 ปี มีความจริงใจในการปฏิรูปการแต่งตั้งโยกย้ายตำรวจ เรื่องเช่นนี้ไม่น่าจะเกิดขึ้น?!

พูดถึงเรื่องแต่งตั้งโยกย้ายกับการปฏิรูปตำรวจ วกเข้าเรื่องคึกคักในแวดวงสีกากีอีกเรื่อง เมื่อกลางสัปดาห์ที่ผ่านมา “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นหัวโต๊ะบอร์ดใหญ่กรรมการข้าราชการตำรวจ หรือ ก.ตร. ไฟเขียวแต่งตั้ง 49 นายพล วาระเดือนเมษายน

เป็นวาระแต่งตั้งนายพลที่ไม่น่าจะหวือหวาอะไร เพราะเป็นการแต่งตั้งกลุ่มผู้ทรงคุณวุฒิ ตำแหน่งที่ปรึกษาพิเศษสำนักงานตำรวจ มียศ พล.ต.อ. เทียบเท่ารองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ยศ พล.ต.ท. เทียบเท่าผู้บัญชาการ และผู้ทรงคุณวุฒิสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ยศ พล.ต.ต. เทียบเท่าผู้บังคับการ ให้นายพล และ พ.ต.อ.พิเศษ อายุ 59 ปี คล้ายเป็นรางวัลให้ก่อนเกษียณอายุราชการ

กฎ ก.ตร. ว่าด้วยการแต่งตั้งข้าราชการตํารวจ พ.ศ.2561 กำหนดชัดเจนว่า ต้องแต่งตั้งจากผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 59 ปีบริบูรณ์ขึ้นไปและมีเวลาราชการเหลือไม่เกิน 6 เดือน

พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา เสนออนุมัติแต่งตั้ง 49 ตำแหน่ง จำแนกเป็นระดับที่ปรึกษาพิเศษ ตร. 4 ตำแหน่ง ผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษ ตร. 15 ตำแหน่ง และผู้ทรงคุณวุฒิ ตร. 30 ตำแหน่ง

ในกลุ่ม 15 ผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษ ตร. และ 30 ผู้ทรงคุณวุฒิ ตร. เป็นไปตามกฎ เหล่ารอง ผบช. รอง ผบก. ใกล้เกษียณพาเหรดขยับตำแหน่งเต็มอัตราตามอาวุโส

ทว่าในกลุ่มที่ปรึกษาพิเศษ ตร. ว่าที่ พล.ต.อ. 4 เก้าอี้ เป็นการแต่งตั้งโดยขอยกเว้นหลักเกณฑ์ เนื่องจากไม่มีผู้ช่วย ผบ.ตร. หรือตำแหน่งเทียบเท่านายใดเข้าสเป๊ก สิ้นกันยายน 2561 ไม่มีผู้เกษียณอายุราชการสักนายเดียว

ทำไมต้องยกเว้น หากย้อนไปเมื่อครั้ง ก.ตร. กำหนดตำแหน่งตัดเก้าอี้ “ที่ปรึกษาพิเศษ ตร.” เป็นเสมือนตำแหน่งเฉพาะตัว จุดประสงค์เพื่อแต่งตั้งให้ตำแหน่งเป็นปูนบำเหน็จ ขยับยศติดดาว พล.ต.อ. ให้รางวัลก่อนเกษียณอายุราชการ เมื่อแต่งตั้งแล้วให้ ผบ.ตร. มอบหมายงาน กำกับดูแลเป็นผู้อำนวยการศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมพิเศษต่างๆ จึงไม่ใช่ตำแหน่งหลัก เหมือนรอง ผบ.ตร. และจเรตำรวจแห่งชาติที่ต้องแต่งตั้งทดแทน

ทำให้การยกเว้นสเป๊ก ดัน 4 พล.ต.ท. ขึ้นแท่น ว่าที่ พล.ต.อ. เป็นกรณีพิเศษหนนี้ ในแวดวงสีกากีวิพากษ์วิจารณ์กันว่าเป็นการ “วางสนุ้ก” หวังผลไปถึงการแต่งตั้งรอง ผบ.ตร.-ผู้บัญชาการวาระประจำปี 2561 ที่จะเกิดขึ้นในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า!!

ตรวจรายชื่อ 4 ผู้ช่วย ผบ.ตร. ว่าที่ “ที่ปรึกษาพิเศษ ตร.” ที่ ก.ตร. ยอมอนุมัติยกเว้นหลักเกณฑ์แต่งตั้ง

คนแรก พล.ต.ท.ดุสิต สังขะเมฆะ ผู้ช่วย ผบ.ตร. นักเรียนนายร้อยตำรวจรุ่นที่ (นรต.) 34 เกษียณกันยายน 2562 เป็นผู้ช่วย ผบ.ตร. ที่ครองอาวุโสลำดับ 4 นับเฉพาะอาวุโสผู้ที่มีสิทธิขยับเลื่อนตำแหน่ง

คนที่สอง พล.ต.ท.เดชา บุตรน้ำเพชร ผู้ช่วย ผบ.ตร. นรต.35 อดีตผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 8 ที่เติบโตในพื้นที่ภาคใต้ตอนบน สายสัมพันธ์แดนสะตอปึ้กกับผู้กว้างขวางทางการเมืองในพื้นที่ภาคใต้ เกษียณปี 2562 เป็นผู้ช่วยอาวุโสอันดับ 6

คนที่สาม ที่เข้าวิน พล.ต.ท.ต่อศักดิ์ สอาดพรรค ผู้ช่วย ผบ.ตร. นรต.33 เกษียณพร้อมกันในกันยายน 2562 ครองอาวุโสเบอร์ 7

และคนสุดท้ายเข้าวินติดได้ขยับยศ พล.ต.อ. คือ พล.ต.ท.ธเนตร์ พิณเมืองงาม ผู้ช่วย ผบ.ตร. นรต.34 เกษียณปี 2562 ครองอาวุโสผู้ช่วย ผบ.ตร. เบอร์สุดท้าย ลำดับ 10

ผบ.ตร. ให้เหตุผลที่จำเป็นต้องขอยกเว้นเกณฑ์ เนื่องจากที่ปรึกษาพิเศษ ตร. ที่ครองตำแหน่งอยู่ 5 นาย จะเกษียณพร้อมกันในเดือนกันยายน 2561 นี้

เช็กชื่อ พล.ต.อ. รอเกษียณ ประกอบด้วย พล.ต.อ.ศักดา เตชะเกรียงไกร พล.ต.อ.วีรพงษ์ ชื่นภักดี พล.ต.อ.รุ่งฤทธิ์ ซุ่นทรัพย์ พล.ต.อ.ธนิตศักดิ์ ธีระสวัสดิ์ พล.ต.อ.วิทยา ประยงค์พันธุ์ ที่ปรึกษาพิเศษ ตร.

แวดวงสีกากีจึงวิพากษ์วิจารณ์การดัน 4 ผู้ช่วย ผบ.ตร. เว้นหลักเกณฑ์ขึ้น ที่ปรึกษาพิเศษ ตร. ประเด็นหลักไม่น่าใช่เพื่อวางคนมาทำงาน แต่ผลข้างเคียงสำคัญกว่า คือ เปิดเก้าอี้ว่างในการแต่งตั้งวาระ 2561 ตั้งแต่ผู้ช่วย ผบ.ตร. ลงไปไล่ระนาบได้ 4 แถว ผู้ช่วย ผบ.ตร. ไปถึงสารวัตร

ตามนโยบายของคณะกรรมการนโยบายตำรวจแห่งชาติ (ก.ต.ช.) ที่มีเป้าหมายชัด กระชับเก้าอี้ “บิ๊กสีกากี” ในระดับรอง ผบ.ตร.-ผู้ช่วย ผบ.ตร. ให้มีจำนวนเท่าที่จำเป็น ตัดที่ปรึกษา (สบ10) เปลี่ยนเป็นที่ปรึกษาพิเศษ ตร. แทน แก้ปัญหาภาวะหัวโตเทอะทะ

ปัจจุบัน รอง ผบ.ตร. และจเรตำรวจแห่งชาติ ตำแหน่งหลักมีเพียง 6 เก้าอี้เท่านั้น สิ้นกันยายน 2561 ว่างแค่ 1 เก้าอี้ แทน พล.ต.อ.เดชณรงค์ สุทธิชาญบัญชา รอง ผบ.ตร. ที่เกษียณ แต่เก้าอี้นี้มี พล.ต.อ.ธรรมศักดิ์ วิชชารยะ ที่ปรึกษา (สบ10) ตีตราจองเก้าอี้ที่ปรึกษา (สบ10) ยุบไปตามตัว เท่ากับว่า แต่งตั้งวาระสิงหาคมนี้ ผู้ช่วย ผบ.ตร. ไม่มีโอกาสขยับขึ้นเลยสักคน ขณะเดียวกัน สิ้นกันยายนนี้ก็ไม่มีผู้ช่วย ผบ.ตร. เกษียณเช่นกัน กระทบกับการเลื่อนขยับในตำแหน่งระดับผู้บัญชาการแน่นอน เมื่อเก้าอี้ว่างไม่มี

เมื่อตำแหน่งจำกัด โอกาสขยับปรับโยกก็ติดขัดจำกัดจำเขี่ย

ด้วยประการฉะนี้ การกรุยทาง 4 ผู้ช่วย ผบ.ตร. ได้รับไฟเขียว ก.ตร. ขึ้นติดยศ พล.ต.อ. กรณีพิเศษ ผู้คลุกวงในสีกากีจึงมองว่าหวังผลเพื่อการแต่งตั้งนายพล-นายพัน วาระ 2561 ต่างหาก

นี่แหละกลยุทธ์สูตรแต่งตั้งสีกากี ในยุครอการปฏิรูปตำรวจ ในแวดวงสีกากีทราบดี เก้าอี้เพิ่มนั้น สำคัญไฉน!?!