ที่มา | มติชนสุดสัปดาห์ ฉบับวันที่ 27 เมษายน - 3 พฤษภาคม 2561 |
---|---|
คอลัมน์ | รายงานพิเศษ |
เผยแพร่ |
รายงานพิเศษ/โชคชัย บุญยะกลัมพ
https://www.facebook.com/ChokCyberAIEntertainment/
MIT พัฒนาอุปกรณ์ สามารถ “อ่านใจ” มนุษย์ได้
การปฏิวัติการสื่อสารในยุคปัจจุบันมีการเจริญเติบโตขึ้นมาเรื่อยๆ และอนาคตจะยิ่งมีความทันสมัยมากขึ้นกว่าเดิม
การใช้ชีวิตของคนเมือง หรือคนทั่วโลกนั้น คงจะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป หลังจากมีสิ่งทดแทนความจำอย่างระบบคอมพิวเตอร์, มือถือสมาร์ตโฟน, หรือสิ่งทดแทนต่างๆ
เพื่อเอื้อในการอำนวยความสะดวกและความสบายให้แก่มนุษย์มากขึ้น ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า เทคโนโลยีและวิวัฒนาการทางด้านไอที มีการพัฒนาแบบก้าวกระโดด ซึ่งในปัจจุบันเราสามารถควบคุมการทำงานของเครื่องใช้ไฟฟ้าต่างๆ ได้ด้วยการสั่งการด้วยเสียง แต่ดูเหมือนว่าในอนาคตจะล้ำหน้ายิ่งกว่านี้ ระหว่างอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์และมนุษย์ที่กำลังจะอุบัติขึ้น
และพยายามเพิ่มพูนปัญญาของมนุษย์และทำให้คอมพิวเตอร์อินเตอร์เน็ตและเครื่องสติปัญญาเป็นส่วนเสริมของความรู้ความเข้าใจของผู้ใช้โดยการเปิดใช้การสนทนาแบบไม่ต้องใช้เสียงให้เข้ากันได้ระหว่างบุคคลกับเครื่องจักร สามารถอ่านแรงกระตุ้นไฟฟ้าจากผิวหน้าในบริเวณส่วนล่างและในลำคอที่เกิดขึ้นเมื่อผู้ใช้พูดคำหรือวลีโดยอัตโนมัติโดยพูดแบบไม่ต้องออกเสียงหรือการเคลื่อนไหวที่มองเห็นได้
ระบบนี้อาจเป็นทางเลือกหนึ่งสำหรับผู้ใช้
เมื่อมีผู้คิดค้นอุปกรณ์สวมใส่ที่สามารถรับคำสั่งผ่านทางความคิด โดยที่ผู้ใช้ไม่จำเป็นต้องเปล่งเสียงสั่งการ มีหน่วยความจำช่วยเตือนชื่อที่คุ้นเคย หรือคำตอบสำหรับคำถามได้โดยไม่ต้องปกปิดที่จะต้องเปิดเผยข้อมูลแบบไม่มีใครรู้
นักวิจัยจากสถาบันแมสซาชูเซตส์ หรือ MIT ในสหรัฐ ได้คิดค้นอุปกรณ์เฮดเชตที่มีชื่อว่า AlterEgo ซึ่งเป็นอุปกรณ์ที่สามารถสั่งงานควบคุมการใช้งานคอมพิวเตอร์ได้ผ่านทางความคิด และไม่ต้องเปล่งเสียง
เป็นระบบแวเรเบิลที่ออกแบบมาให้ผู้ใช้สามารถสั่งงานคอมพิวเตอร์ได้ด้วยความคิด
ซึ่ง MIT Media Lab ได้อธิบายการทำงานเฮดเซตดังกล่าวผ่านวิดีโอว่า
โครงการนี้มีเป้าหมายในการรวมมนุษย์กับคอมพิวเตอร์ให้เป็นหนึ่งเดียวกัน
วิธีการทำงานของ AlterEgo เป็นกลไกอย่างหนึ่งที่เรียกว่า Subvocalize หรือการพูดแบบไร้เสียง อธิบายง่ายๆ ก็อย่างเช่น การคิดเลขในใจ หรืออ่านหนังสือในใจ ก็สามารถเข้าใจได้โดยที่ไม่ต้องออกเสียง
โดย AlterEgo การทำงานก็คือ อิเล็กโทรด หรือขั้วไฟฟ้าในอุปกรณ์จะจับสัญญาณ จะมีการติดตั้งระบบ Machine Learning ที่ได้มีการเรียนรู้การเคลื่อนไหว อาจจะใช้หลักการคล้ายฮัมเบาๆ ถึงเบามากๆ พอจะให้มีการสั่งการอ่อนๆ ไปยังบริเวณใบหน้าของขากรรไกรกล้ามเนื้อและประสาทของใบหน้ากับช่องคอให้สอดคล้องกับคำสั่งต่างๆ
ซึ่งไม่ได้เข้าใจคำสั่งจากการจับคลื่นสมอง แต่เป็นการจับสัญญาณระหว่างกล้ามเนื้อกับระบบประสาทในขณะที่เรากำลังคิดคำสั่งขึ้นมา จึงทำให้สามารถตรวจจับคำสั่งที่เกิดขึ้นในสมองแต่ไม่ได้เปล่งออกมาได้
จากภาพจะเห็นว่า นักศึกษาเจ้าของโครงการทดสอบระบบด้วยการถามเวลา และสั่งให้คำนวณราคาสินค้าในซูเปอร์มาร์เก็ต ซึ่งเป็นคำสั่งที่ไม่ซับซ้อน คือเป็นคำพูดสั้นๆ คำเดียว หรือเป็นตัวเลข ซึ่งปกติแล้วไม่สามารถตรวจจับได้ด้วยสายตา จากนั้นอุปกรณ์จึงตอบสนองต่อคำสั่งนั้นๆ
อุปกรณ์นี้เป็นส่วนหนึ่งของระบบคอมพิวเตอร์แบบไม่มีเสียงที่สมบูรณ์แบบ ซึ่งจะช่วยให้ผู้ใช้สามารถมองเห็นและตอบคำถามเกี่ยวกับปัญหา ผ่านทางคอมพิวเตอร์ได้อย่างคล่องตัว
ในการทดลองของนักวิจัยคนหนึ่งๆ ใช้ระบบเพื่อรายงานการเคลื่อนไหวของฝ่ายตรงข้าม ในเกมหมากรุกแบบไม่มีเสียง และได้รับคำตอบการแนะนำจากข้อมูลคอมพิวเตอร์นั้นด้วย
และสัญญาณเหล่านี้จะถูกส่งเข้าคอมพิวเตอร์เพื่อประมวลผลว่า คำสั่งนั้นคือคำว่าอะไร ซึ่งจากการทดสอบพบว่า มีความแม่นยำในการแปลคำสั่งมากถึง 92% เวลาที่ใช้ในการประมวลผลใช้เวลาไปแค่ 0.427 วินาที เราแทบจะสื่อสารกับ AlterEgo ได้แบบ Real-time เชื่อว่า ถ้าหากถูกนำไปใช้งานบ่อยขึ้น ก็จะมีความแม่นยำมากขึ้นอีกด้วย
ผลในการทดลองใช้ปัจจัยรูปแบบใหม่และประสบการณ์ใหม่ๆ ที่ทำให้คนเราได้รับประโยชน์จากความรู้และบริการที่ยอดเยี่ยมทั้งหมดที่อุปกรณ์เหล่านี้จะมีให้แก่เรา
แนวคิดของโครงการ คือ การคิดค้นอุปกรณ์ที่ผู้ใช้ไม่ต้องละทิ้งกิจกรรมตรงหน้า เพื่อไปสั่งงานหรือใช้ในการคำนวณราคาสินค้าระหว่างช้อปปิ้ง ควบคุมอุปกรณ์ ควบคุมสื่อ media การจัดการตารางเวลาต่างๆ ใช้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์อื่นๆ เช่น โทรศัพท์มือถือ รับสาย วางสาย ยกเลิก โทร.ออก
อย่างไรก็ดี ในตอนนี้ตัวระบบของ AlterEgo ยังอยู่ในช่วงของการพัฒนาให้ดียิ่งขึ้น ในอนาคตเราคงจะได้ใช้กัน