ความทรงจำ : พ่อครัวในร้านหนังสือ

ฉันอาศัยอยู่สองจังหวัด เชียงรายและนครปฐม สลับไปมาแห่งละเดือนสองเดือน ทั้งสองจังหวัด มีผู้คน (รวมทั้งสัตว์เลี้ยง) ที่ฉันผูกพัน และต่างมีสิ่งสำคัญซึ่งทดแทนกันไม่ได้

เชียงราย มีแม่ บ้านสวน สมิงพระราหู (หมา) อากาศดี วัตถุดิบราคาถูก มีเมืองซึ่งสถานที่สำคัญถูกจับกองไว้รวมกัน เดินทางไปไหนต่อไหนใช้เวลาไม่ถึงครึ่งชั่วโมง ทำให้ฉันมีเวลามากขึ้น มีคุณภาพชีวิตดีกว่าอยู่นครปฐม

สามพราน (นครปฐม) มีเพื่อน และมีแรงกระตุ้นต่อการสร้างสรรค์

อยู่เชียงราย ฉันอยากเจอเพื่อน โหยหาความเร้าร้อนแห่งทะเยอทะยาน ครั้นกลับมาอยู่สามพราน ฉันต้องการซุกหน้าในแผงคอหมา อยากได้ความสบายเนื้อสบายตัว (แบบไม่ต้องพึ่งเครื่องปรับอากาศ)

ชีวิตคล้ายถูกฉีกเป็นสองส่วน

ค่ะ! มันเป็นอย่างที่ควร ไม่ใช่ตามปรารถนาของฉัน หลายต่อหลายเรื่อง ฉันไม่มีอิสรภาพที่จะตัดสินใจ และมากเรื่องที่ฉันไร้อำนาจ-กระทั่งเอ่ยคำ

ฉันยอมรับ กอดมันอย่างรักใคร่ ในฐานะเงื่อนไขชีวิต

แล้วฉันก็มองเห็นความได้เปรียบ อย่างน้อย-ในฐานะนักเขียน ฉันจึงอยู่กับข้อจำกัดนั้นอย่างปกติสุข

แต่ความคิดถึงเดินทางมาเสมอ ทั้งความคิดถึงก้อนใหญ่ ไปจนถึงความคิดถึงเล็กๆ น้อยๆ ที่แก้ไขได้ด้วยการลงมือทำ

เช่นอาหาร

 

อยู่เชียงราย ฉันไม่ทำน้ำเงี้ยว เพราะมีขายทุกตรอกซอกซอย ครั้นอยู่สามพราน ความต้องการน้ำเงี้ยวกลับเพิ่มขึ้น

แต่เพราะความมากเรื่อง (ของฉัน) ต่อให้ทำน้ำเงี้ยวอร่อยแค่ไหน เส้นขนมจีนก็ไม่ได้ดั่งใจ

เส้นขนมจีนสามพรานสามารถเก็บไว้สองสามวันโดยไม่เสีย (น่าสงสัยว่าเพราะอะไร)

ขณะที่ขนมจีนเชียงราย มีอายุไม่ข้ามวัน เส้นเล็ก หอมกลิ่นแป้งข้าวเจ้า สัมผัสนุ่มนวลราวเส้นผมนางฟ้า

ความแตกต่างของเส้นขนมจีนทำให้ฉันเอาแต่นึกอยากกิน ไม่อยากทำ

กลับเชียงรายคราวก่อน ได้เจอน้ำเงี้ยวเชียงตุง ทำให้ฉันพบทางแยกสว่างไสว น้ำเงี้ยวอยู่ในร้านเล็กๆ แถวตลาดเด่นห้า มันเคยเป็นร้านหนังสือไม่มีชื่อมานาน กี่ปี, ฉันไม่แน่ใจ รู้แต่ว่า เมื่อแม่ย้ายบ้านมาอยู่วัดใหม่หน้าค่าย ฉันก็ซื้อนิตยสารและหนังสือพิมพ์จากร้านนี้

จู่ๆ ชายหนุ่มที่เคยขายหนังสือให้ฉันก็ควบร่างพ่อครัว อาหารของเขาอร่อย สะอาด และมันมีความหมายพิเศษ เมื่อได้กินบนโต๊ะที่อยู่ใกล้ชั้นวางหนังสือ

เมื่อเทียบกับคนอื่น ฉันกินข้าวนอกบ้านน้อย ด้วยสองเหตุผล หนึ่ง ฉันอร่อยยาก สอง ฉันมีเงินไม่มาก (ทำกินเองได้อาหารดี จ่ายเงินน้อยกว่า)

แต่หลังจากชิมข้าวซอยกับน้ำเงี้ยวเชียงตุง ฉันก็ซื้อกินบ่อยขึ้น บ่อยขึ้น และบ่อยขึ้น

 

ฉันนั่งในครัว มองเหม่อไปนอกหน้าต่าง ไม่เห็นอะไร นอกจากกำแพงของทาวน์เฮ้าส์อีกหลัง…

ฉันคิดถึงเชียงราย และข้าวซอยฝีมือเขา มันยากจะเลียนแบบ ว่ากันตั้งแต่การเตรียมเครื่องเทศ ไปจนถึงซุป ซึ่งยังเป็นกะทิ แต่ไม่เลี่ยน ทั้งไม่มีรสเผ็ด หากไม่เติมพริกแห้งผัดน้ำมัน เป็นข้าวซอยแบบที่ฉันไม่เคยกิน ฉันคงทำไม่ได้

น้ำเงี้ยวนั้นต่างออกไป ฉันคิดว่าพอทำได้ ความพิเศษของน้ำเงี้ยวสูตรนี้ คือมันกินกับเส้นข้าวซอยอร่อยมาก เข้าทางฉัน ซึ่งบัดนี้ประจำการอยู่สามพราน ฉันหาเส้นก๋วยเตี๋ยวกับขนมจีนอร่อยไม่ได้ แต่มีเส้นข้าวซอยจากเชียงรายขายในร้านดอยคำใกล้บ้าน

น้ำเงี้ยวที่เราคุ้นเคยเสิร์ฟเป็นถ้วย มีน้ำท่วมแบบก๋วยเตี๋ยว

แต่น้ำเงี้ยวในร้านหนังสือ เป็นน้ำเงี้ยวแห้งแบบพาสต้า แทนที่จะโรยกระเทียมเจียว เขาโรยหอมแดงเจียวกับงาขาวคั่ว

แทนที่จะกินกับถั่วงอก เขาเลือกกะsล่ำปลีซอยบางๆ กับผักกาดดองซอย

วิธีกิน คือคลุกทุกอย่างรวมกัน เหมือนกินบะหมี่ยำ น้ำเงี้ยวซึ่งถูกดึงซุปออกได้กลายเป็นซอสเข้มข้น เคลือบเส้นได้ดี และอร่อยสุดๆ หากเจอเส้นข้าวซอย

 

ฉันจะลองทำน้ำเงี้ยวเชียงตุงจากความทรงจำของลิ้น ฉันเดา-ว่ามีความคล้ายน้ำพริกอ่อง เพียงแต่เปรี้ยวน้อยกว่า ซึ่งหมายถึงฉันจะใช้มะเขือเทศสีดา และใช้อย่างพอดี

ตำพริกจินดาแห้ง หอมแดง กระเทียม และเกลือ ฉันชอบเผ็ด ต้องพริกเยอะหน่อย หอมแดงมากกว่ากระเทียมสักนิด ตำสามอย่างนี้กับเกลือให้ละเอียด แล้วใส่ถั่วเน่าแผ่นย่าง ถั่วเน่าย่างจะกรอบ ตำง่าย และกลิ่นหอมขึ้น ใช้มากน้อยแล้วแต่ชอบ ฉันหนักมือกับถั่วเน่าเพราะชอบมาก บางคนไม่ชอบก็ใช้กะปิแทน และบางคน ใช้ทั้งสองอย่าง ไม่ว่าแบบไหนก็ถือเป็นน้ำพริกแกง มิติของกลิ่นต่างไป แต่รสชาติไม่ต่างกันนัก

ผัดพริกแกงให้กลิ่นกระจายคับครัว ผัดด้วยไฟอ่อน น้ำมันน้อยที่สุด โดยระวังไม่ให้พริกแกงไหม้ รอกลิ่นขึ้นจมูกจนทนไม่ไหว ฉันใส่หมูสับหยาบลงไป เลือกแบบติดมันนิดหน่อย ผัดไฟกลางจนสุก ค่อยเทมะเขือเทศสีดาหั่นครึ่งลงกระทะ

ถ้าทำน้ำพริกอ่อง ฉันใส่หมูน้อยกว่ามะเขือเทศ เพื่อให้ได้รสเปรี้ยวมาก แต่กับน้ำเงี้ยวแบบนี้ ฉันใช้มะเขือเทศน้อยกว่าหมู ผัดมะเขือเทศสีดาให้ชอกช้ำ ก่อนเติมน้ำสุกเล็กน้อย เคี่ยวไฟอ่อนจนมะเขือเทศเละ ตัวซอสเหลือน้ำขลุกขลิก ปรุงรสด้วยน้ำปลา ตัดน้ำตาลนิดหน่อย ให้ได้รสเปรี้ยวนุ่มนวล และเค็ม

เส้นข้าวซอยต้มสุกแล้ว ฉันตักใส่จาน ราดซอสน้ำเงี้ยว โรยหัวหอมเจียว งาขาวคั่ว เขียวต้นหอมซอย ข้างจานมีกะกล่ำปลีฝอย ผักกาดดอง และพริกทอด

บรรจงคลุกให้เข้ากัน แล้วชิม

ฮืม…มันใกล้เคียงน้ำเงี้ยวในร้านหนังสือมากเลยล่ะ

 

ถ้าจะมีสักอวัยวะในร่างกายของฉันที่ช่างจำเป็นเลิศ นั่นก็คือลิ้น ลิ้นช่วยให้ฉันทำน้ำเงี้ยวเชียงตุง ไม่ต้องรอกลับเชียงรายก็ได้กิน

ส่วนข้าวซอย คงต้องพึ่งพ่อครัวในร้านหนังสือ สัปดาห์หนึ่ง ฉันกินอาหารฝีมือเขาอย่างน้อยสองมื้อ ทั้งที่เขามีอาหารขายไม่กี่อย่าง ฉันควรจะเบื่อ แต่ก็ไม่

กลายเป็นว่า นอกจากแม่ ต้นไม้ หมา และอากาศ เชียงรายมีอีกความคิดถึง-สถานที่ซึ่งรวมสองสิ่งอันเป็นที่รักไว้ด้วยกัน-อาหารอร่อยและหนังสือ…คือร้านไร้ชื่อ วางตัวเงียบเชียบริมถนน

ฉันอยากเรียกมันว่า ร้านหนังสือซึ่งฉันจดจำรส