สงครามปลายจวัก

นี่เป็นอีกรายการที่ฉันทำแล้วชอบมากเพราะมันสนุกมาก

เย็นวันอาทิตย์ เวลา 18.20 น. เปิดช่อง 3 ดูกันทั้งบ้านเลยค่ะ ได้อรรถรส

จริงๆ รายการแข่งทำอาหารก็มีให้เห็นอยู่หลายรายการ แต่สำหรับสงครามปลายจวัก มันมีความพิเศษและเสน่ห์เฉพาะตัว

เริ่มจากโจทย์ที่ว่า เราอยากมี “อาหารไทยจานใหม่” เกิดขึ้น เพื่อให้มันโด่งดังเหมือนมัสมั่น ผัดไทย ต้มยำกุ้ง ที่คนทั่วโลกรู้จัก เพราะถ้าไม่มีการคิดค้นอะไรใหม่ๆ เราก็จะหยุดมันอยู่แค่นั้น

ที่สำคัญ การทำอาหารมันคือศิลปะ ไม่มีอะไรถูกผิด ไม่มีอะไรตายตัว

ความสนุกอยู่ที่เราสามารถสร้างสรรค์อาหารแบบใหม่ๆ ได้เสมอ คนทำก็ได้ความคิด ความรู้ ความสามารถ คนกินก็ตื่นเต้นที่ได้ลิ้มลองรสชาติใหม่ๆ หน้าตาใหม่ๆ

 

หลายคนตั้งแง่ว่าอาหารไทยแตะต้องไม่ได้ เปลี่ยนแปลงไม่ได้ แต่ถ้าเรายังคงรสต้นตำรับ รสมือแบบไทยๆ ไว้ได้ แต่มีการเล่าเรื่องใหม่ นำเสนอในหลายๆ รูปแบบ แล้วมันทำให้เราก้าวไปอีกขั้น มีมูลค่าที่สูงขึ้น เราจะไม่ลองหรือ

ในรายการจะมีเชฟที่มาจากต่างที่ต่างถิ่น 8 คนด้วยกัน แต่ละสัปดาห์จะมีเชฟหมุนเวียนกันมาแข่งครั้งละ 6 คน แบ่งออกเป็น 3 ทีม

และจะมีร้านต้นตำรับร้านดังๆ มาร่วมแข่งขันด้วย โดยในแต่ละสัปดาห์ก็จะมีโจทย์เป็นอาหารไทยเมนูต่างๆ เช่น กะเพรา ผัดไทย ก๋วยเตี๋ยว แกง ข้าวผัด

โดยจะคัดเลือกเอาร้านเทพๆ ของแต่ละประเภทเมนูมา 3 ร้าน แล้วก็เอาเชฟอีก 2 คนมาประกบ รวมกันเป็น 1 ทีม

ทั้ง 3 คนจะต้องสร้างสรรค์เมนูตามโจทย์แต่ละสัปดาห์ โดยในด่านแรกต้องทำเมนูแอดวานซ์ คือจากผัดไทยธรรมดา ทำอย่างไรให้มันแอดวานซ์ขึ้น

เอาผู้ชนะ 2 ใน 3 แล้วมาแข่งต่อในรอบชิงชนะเลิศ โดยพวกเขาต้องทำเมนู “เปลี่ยนโลก”

โดยจะเปลี่ยนอย่างไรก็แล้วแต่จะคิดจินตนาการกันได้เลย จะเปลี่ยนโดยลักษณะหน้าตาอาหาร หรือหน้าตาเดิมแต่รสชาติเมื่อกินเข้าไปแล้วเปลี่ยน ไม่มีการจำกัดจินตนาการใดๆ

เพราะอย่างที่บอก เราอยากเห็นอาหารจานใหม่ๆ

 

แต่สิ่งที่โหดและสนุกไปในตัวคือ การคาดเดาไม่ได้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นระหว่างที่ทุกคนทำอาหาร

ทำๆ อยู่อาจจะให้หยุด แล้วให้เชฟแต่ละทีมเปลี่ยนไปทำของทีมข้างๆ โดยร้านต้นตำรับยังอยู่ที่เดิม คราวนี้คุณจะทำอย่างไรต่อไป ทำเมนูของเขาอันเดิม หรือเริ่มใหม่ในเวลาที่เหลือ

หรือทำๆ อยู่ แล้วให้หยุด เพราะเกิดจะมีลูกค้าวีไอพีมา แล้วอยากจะกินเมนูพิเศษนี้ขึ้นมา ทุกคนต้องวางมือจากสิ่งที่ทำ เพื่อทำภารกิจนี้ให้สำเร็จก่อนจนกว่าแขกคนนี้จะพอใจ แล้วถึงได้ทำเมนูที่ทำค้างไว้ต่อได้

หรืออาจจะมีวัตถุดิบพิเศษที่ไม่คิดว่ามันจะเข้ากับอาหารที่ทำได้มาก่อน

หรืออยู่ดีๆ ก็มีผู้ช่วยเป็นเด็กอายุ 6 ขวบเข้ามาในครัว และที่สำคัญขาดเขาไม่ได้เสียด้วย

และแม้แต่ให้ทำอาหารที่เป็นเส้นโดยไม่ให้ใช้มีด โอ้ยยยยยยย อันนี้ปวดใจมาก แต่จอมยุทธ์แม้ไม่มีอาวุธ เขาก็ต้องรบ

ของอย่างนี้กระบี่นั้นอยู่ที่ใจ ไม่มีมีดแล้วพวกเขาจะทำอาหารอย่างไร ต้องดู

 

ในรายการมีกรรมการ 3 คน หนึ่งในนั้นเป็นเชฟชื่อดังเป็นผู้หญิงมาจากนิวยอร์กชื่อเชฟหงส์ ร้านอาหารไทยเธอดังมาก ดารายังต้องต่อคิว สวย คม และไม่พอใจอะไรง่ายๆ แต่นั่นก็ทำให้เชฟแต่ละคนต้องฮึดที่จะทำให้ดีขึ้นเพื่อให้ถูกใจกรรมการอย่างเชฟหงส์ให้ได้

อีก 2 คนคือเชฟหนุ่มและเชฟต้น ซึ่งร้านอาหารของทั้งคู่ก็ติดอันดับระดับประเทศและระดับโลกเช่นกัน บางสัปดาห์มีนักชิมอย่างพี่ปุ๊ สืบวงศ์ มาแจมด้วย

ฉันชอบรายการนี้ตรงที่เราสามารถเห็นพลังของคนผ่านการทำอาหารได้ เห็นจากสีหน้า แววตา อาการที่มุ่งมั่น เราเห็นการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าในทุกๆ ครั้ง เพราะในชีวิตจริง ไม่ว่าจะอยู่ในครัวหรือในการใช้ชีวิต มันมีเรื่องไม่คาดฝันเกิดขึ้นกับเราตลอดเวลา

เราต้องรู้จักการควบคุมสถานการณ์ การรับมือ และแก้ไขให้มันดีขึ้น

ที่สำคัญ ฉันชอบประโยคที่เชฟหงส์พูดไว้ว่า “เมื่อเราอยู่ในครัว เราอย่าเอาแต่คิดถึงอดีตที่มันผ่านไปแล้ว แต่เราต้องคิดถึงปัจจุบัน เราแก้ตัวใหม่ได้ เราสู้ใหม่ได้เสมอ”

 

ฉันอัดรายการนี้เสร็จสิ้นแล้วค่ะ เนื่องจากเป็นรายการที่ออกเพียง 3 เดือน และการทำฉากรายการนี้มีราคาสูง การถ่ายทำจึงต้องรวดเร็ว ซึ่งหมายความว่าฉันรู้ผลแพ้-ชนะแล้วค่ะว่าสุดท้ายใครคือสุดยอดเชฟอาหารไทย และเราได้อาหารจานไทยใหม่มาประดับไว้บนโลกใบนี้แล้ว

ตามประสาคนเก็บความลับไม่ได้ ก็คันปากอยากบอก แต่ถ้าบอกคงโดนประณาม

แต่ขอให้คุณดูทุกๆ อาทิตย์เถอะค่ะ แล้วคุณจะอึ้งในวันสุดท้ายอย่างแน่นอน!