จับสัญญาณอุกกาบาต ขยับโรดแม็ปเลือกตั้ง ก.พ.62

เทศกาลสงกรานต์ผ่านไปแล้ว พบว่าจำนวนผู้บาดเจ็บและเสียชีวิต จากกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยของกระทรวงมหาดไทยระบุว่าในปี 2561 มีจำนวนมากกว่าในปี 2560 อุบัติเหตุในช่วงเทศกาลวันหยุดยาวสำหรับสังคมไทยเป็นเรื่องที่ต้องระมัดระวัง ไม่มีใครอยากให้เกิดสถานการณ์ที่วิกฤตขึ้น ทั้งทางอุบัติเหตุ และทางสังคม อันที่จริงต้องหมายรวมถึงการเมืองด้วยเช่นกัน

แต่ทว่า ท่ามกลางเทศกาลสงกรานต์ที่ร้อนระอุ “ซือแป๋” มีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) ระบุว่า จะไม่มีเหตุอันใดที่ทำให้การเลือกตั้งไม่เป็นไปตามโรดแม็ป

นอกจากอุกกาบาตตกใส่ประเทศ

“วันนี้ยังมั่นใจการเลือกตั้งจะเป็นตามโรดแม็ป ถ้าไม่มีการเลือกตั้งตอนนั้นก็คงไม่มีใครพูดอะไร เพราะอุกกาบาตคงตกลงมาที่ประเทศไทย และคงไม่มีใครดิ้นรนเลือกตั้ง ส่วนถ้าไม่มีเลือกตั้งจะทำให้เกิดความขัดแย้งหรือไม่นั้น ผมคิดว่าขึ้นอยู่กับลักษณะความขัดแย้ง ถ้าเป็นความขัดแย้งเชิงความคิดการเมืองก็เป็นของปกติธรรมดา เพราะการเมืองเป็นเรื่องต่างคนต่างความคิด แต่ถ้าเป็นความขัดแย้งแบบจะยกพวกตีกัน ถือว่าไม่ใช่ของดี และเชื่อว่าประชาชนจะไม่ยอมรับ”

นายมีชัยระบุ

“อุกกาบาต” อันเป็นข้ออ้างที่คล้ายๆ กับ “สงครามโลก” เมื่อครั้งนายมีชัยเคยกล่าวอ้างเอาไว้เมื่อตอนมีปัญหาในเรื่องของปมการเลื่อนวันลงประชามติ รัฐธรรมนูญปี 2560 พร้อมด้วยคำถามพ่วงประชามติที่ให้สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) มีส่วนร่วมในการเลือกนายกรัฐมนตรีร่วมกับสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.)

เหตุการณ์ครั้งนั้นเกิดขึ้นเมื่อปี 2559 นายมีชัยเคยให้สัมภาษณ์เอาไว้ว่า

“อย่าคิดไปไกล เพราะประเด็นดังกล่าวไม่ใช่เรื่องสาหัส ผมมองว่าความจำเป็นในการเลื่อนวันประชามติขึ้นอยู่กับคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ในส่วนของ กรธ. ขออยู่อย่างสงบและเจียมตัวจะดีกว่า การเลื่อนวันลงประชามติต้องมีเหตุจำเป็นและอุปสรรค เช่น เกิดสงครามโลกหรือมีระเบิดนิวเคลียร์ ไม่ใช่เพราะความต้องการ”

จากวันนั้น จนถึงวันนี้ จะเห็นได้ว่า

โรดแม็ปการเลือกตั้งก็เลื่อนและขยับไปแทบทุกครั้ง คล้อยหลังที่บรรดาคีย์แมนของแม่น้ำทั้ง 5 สาย ออกมาส่งสัญญาณ เป็นอันต้องมีการทำงานอันเป็นเรื่องสะดุด โดยมีต้นเหตุ คือ การเลือกตั้ง เลื่อนจากปลายปี 2559 มาสู่ปลายปี 2561 กระทั่งมีเหตุปัจจัยทำให้ต้องเลื่อนกาบัตรไปสู่เดือนกุมภาพันธ์ 2562

เลื่อนไปจนกระทั่งหลายฝ่ายเริ่มไม่แน่ใจว่า “การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นจริงนั้นเมื่อใดกันแน่”

สอดรับกับฝ่ายการเมืองเกือบทุกพรรค ต่างอ่านเกมออกและรู้ทันสัญญาณของผู้มีอำนาจ ทั้งรัฐบาล คสช. กรธ. และ สนช. จะต้องหาเหตุยืดโรดแม็ปการเลือกตั้งที่ตั้งเป้าไว้ในห้วงต้นปี 2562 ออกไปอีกเหมือนเคย

เช่น นักการเมืองจากพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) สไตล์นกรู้อย่าง “นิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ” รองหัวหน้า ปชป. แสดงความกังวลอย่างรู้ทันว่า ปัจจัยการเลื่อนหรือจะไม่เลื่อนเลือกตั้ง ขณะนี้อยู่ที่การตีความของศาลรัฐธรรมนูญต่อร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. และร่าง พ.ร.ป.ว่าด้วยการได้มาซึ่ง ส.ว. ซึ่งถ้าศาลรัฐธรรมนูญตีความวินิจฉัยออกมาว่า กฎหมายลูกทั้ง 2 ฉบับไม่ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ โรดแม็ปการเลือกตั้งก็จะเดินหน้าต่อไปอย่างไร้ปัญหา แต่หากมีการตีความว่าขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญก็จะต้องมีขั้นตอนในการแก้ไขกฎหมายกันต่อไปอีก

“จะใช้เวลาแก้กฎหมายนานเท่าใดไม่มีใครรู้ เพราะจะยาวหรือสั้นขึ้นอยู่ที่ตามอำเภอใจของ คสช. เพราะก่อนหน้านี้ต่อให้ประเทศไทยไม่มีอุกกาบาตมาชน การเลือกตั้งก็เคยเลื่อนมาแล้ว และคลับคล้ายคลับคลามีคนเคยบอกไว้ว่า ถ้าไม่เกิดสงครามโลก การเลือกตั้งน่าจะไม่เลื่อนจากปลายปี 2561 แต่สุดท้ายก็เลื่อนมากุมภาพันธ์ปี 2562 จึงเห็นว่าแม้ไม่เกิดสงครามโลก แต่ก็เลื่อนเลือกตั้งได้อีก”

“วันนี้สิ่งที่น่ากลัวกว่าอุกกาบาตและสงครามโลกคือปาฏิหาริย์ทางกฎหมาย ดังนั้น จึงยังวางใจอะไรไม่ได้ ขนาดกฎหมายลูกพรรคการเมืองที่มีผลบังคับใช้แล้ว ผู้มีอำนาจยังใช้มาตรา 44 แก้ไขเลย นับประสาอะไรกับร่างกฎหมายที่ยังไม่บังคับใช้ ถ้าเขาอยากจะแก้ ทำไมจะแก้ไม่ได้”

เช่นเดียวกับฟากฝั่งพรรคเพื่อไทย (พท.) ที่ “เสี่ยอ้วน” นายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาการเลขาธิการพรรคเพื่อไทย ออกมาดักคอถึงสัญญาณการเลื่อนกาบัตรเลือกตั้งว่า งานนี้อาจจะมีเหตุอื่นแทนอุกกาบาตที่ทำให้การเลือกตั้งต้องขยับออกไปอีกก็เป็นได้

ส่วนจะใช่เรื่องที่ศาลรัฐธรรมนูญรับคำร้องในเรื่องดังกล่าวหรือไม่ ก็ต้องรอคำวินิจฉัย เพราะหากศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าขัดรัฐธรรมนูญ ก็ต้องมาเริ่มกันใหม่หมด

“นายมีชัยรู้อะไรมาหรือ ที่ผ่านมาก็มีการใช้อภินิหารช่องโหว่ทางกฎหมายมาแล้ว รัฐธรรมนูญที่เขียนไม่ชัดเจนจนเกิดปัญหานั้น อาจทำให้ถูกพิจารณาได้อย่างน่าสงสัยว่ามีอะไร นายมีชัยย่อมรู้อยู่แก่ใจว่าสิ่งที่ทำนั้นถูกหรือผิด เหมาะสมหรือไม่” นายภูมิธรรมดักคอนายมีชัย

สอดรับกับฝ่ายนิติบัญญัติอย่างประธาน สนช. “พรเพชร วิชิตชลชัย” ก็ออกอาการกระอ้อมกระแอ้มต่อเรื่องดังกล่าว ทุกครั้งที่ผู้สื่อข่าวถามถึง จะมีท่าทีประหนึ่งกลืนไม่เข้าคลายไม่ออก ไม่แน่ใจเหมือนกันว่า ไปรู้อะไรมาเหมือนที่ “ซือแป๋” รู้หรือไม่ เพราะทุกครั้งที่สอบถามเรื่องนี้กับประธาน สนช. ก็จะตอบเพียงสั้นๆ ว่า “รอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยเรื่องดังกล่าวเสียก่อน”

การที่เราได้คำตอบแต่คำว่า “รอ” นั้น ในระหว่างรอ เราก็เริ่มเห็นอะไรที่เป็นภาพชัดเจนขึ้นมากจากรัฐบาลและ คสช.

1. มีการแต่งตั้ง “สกลธี ภัททิยกุล” อดีต ส.ส.ปชป. และอดีตแกนนำ กปปส. เป็นรองผู้ว่าฯ กทม. โดยทำงานร่วมกับ พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าฯ กทม. ที่ คสช. เป็นผู้ใช้มาตรา 44 แต่งตั้งเข้ามาทำงานแทน “ชายหมู” ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร อดีตผู้ว่าฯ กทม.

2. การแต่งตั้ง 2 พี่น้องตระกูลคุณปลื้ม จากเมืองชลบุรี อย่างนายสนธยา คุณปลื้ม หัวหน้าพรรคพลังชล ขึ้นเป็นที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี และนายอิทธิพล คุณปลื้ม อดีตนายกพัทยา เป็นผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา

2 ปัจจัยนี้ถือเป็นการเดินเกมเปิดดีลของรัฐบาล คสช. อย่างเห็นได้ชัดว่า ต้องการมีนักการเมืองเข้ามาเป็นพวกตนเองอย่างแน่นอน

ดังนั้น ไม่ว่าการเลือกตั้งครั้งหน้าจะเกิดขึ้นช้าหรือเร็ว ก็จะต้องเกิดแน่นอน

และการเลือกตั้งในวันข้างหน้าที่จะเกิดขึ้นก็จะเห็นภาพได้ชัดว่าสถานภาพของรัฐบาลจะอยู่ในสถานภาพของนักการเมืองหรือไม่

ส่วนปัจจัยที่มีความจำเป็นหากจำต้องมีการเลื่อนการเลือกตั้งไปอีกครั้ง คงมีเพียงเหตุผลเดียวคือ

“คสช.” ดีลนักการเมืองเพื่อเตรียมตั้งพรรคการเมืองลงสนามในการเลือกตั้งครั้งหน้าให้ได้ชัวร์เสียก่อน