มหกรรม “ดูด” ทั่วทิศ เข้าพรรคทหาร

จรัญ พงษ์จีน

โชว์ฟอร์ม “ดูด” ได้ขั้นเทพมาก “พรรคทหาร” ของ “คสช.” ล่าสุดใช้พลังไฮเพาเวอร์กระซวบ “ซุ้มบ้านใหญ่” แห่งชลบุรีเข้าเครือข่ายไปเป็นที่เรียบร้อย รหัสแรกใช้สูตร “ตกเขียว” ไปพลางๆ ก่อน

โดยประกาศแต่งตั้ง “สนธยา คุณปลื้ม” อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา หัวหน้าพรรค “พลังชล” ให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ฝ่ายการเมือง

ซื้อเหล้าพ่วงเบียร์พ่วงแถมผู้น้อง “นายอิทธิพล คุณปลื้ม” อดีตนายกเทศมนตรีเมืองพัทยา ที่เคยถูกมาตรา 44 ปิดจ๊อบ และมีการประกาศตั้ง “พล.ต.ต.อนันต์ เจริญชาตรี” เป็นนายกเมืองสืบแทน “เสี่ยติ๊ก” กลับมาผงาดนั่งแป้นผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา

ก่อนหน้านี้ไม่ถึงอาทิตย์ ก็เปิดช็อปนำร่องให้ดูชมมาหนหนึ่งแล้ว เมื่อ 3 อดีต ส.ส. ประกอบด้วย “สกลธี ภัททิยกุล” กับ “ณัฏฐพล ทีปสุวรรณ” ค่ายประชาธิปัตย์ และ “ชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์” อดีต ส.ส.ชาติไทย จากสิงห์บุรี

ตบเท้าเข้าทำเนียบสนทนาอนาคตการบ้านการเมืองกับ “สมคิด จาตุศรีพทักษ์” รองนายกรัฐมนตรีเศรษฐกิจ คุยกันนานสองนานร่วม 2 ชั่วโมงที่ห้องทำงานตึกบัญชาการ 1

พบปะกันยังไม่ทันไร “สกลธี” ลูกเลิฟ “พล.อ.วินัย” ก็ได้รับแต่งตั้งจาก “พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง” ผู้ว่าฯ กรุงเทพมหานคร ให้ดำรงตำแหน่งรองผู้ว่าฯ กทม. โดยพลัน แทน “พล.ต.อ.ชินทัต มีสุข” ซึ่งถูกโยกไปเป็นที่ปรึกษา

เป็นการตอกย้ำหัวตะปูป่าวประกาศให้รับทราบโดยทั่วกันว่า “พรรคใหม่” ของ “คสช.” เกิดแน่ ส่วนจะใช้ชื่อ “พลังประชารัฐ” หรือ “พลังดูด” ก็มิใช่สาระสำคัญ รู้แต่ว่า มีพันธะ มีความผูกพันกับ “คนทำเนียบ”

เป็นไปตามที่เล่าลือกันไว้ก่อนหน้านี้คือ “อุตตม สาวนายน” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุสาหกรรม เป็นหัวหน้าพรรค “สุวิทย์ เมษินทรีย์” รัฐมนตรีวิทยาศาสตร์ฯ เป็นรองหัวหน้าพรรค “สนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ นั่งเลขาธิการพรรค

“สมคิด จาตุศรีพิทักษ์” พี่ใหญ่ สวมบทผู้จัดการรัฐบาลใหม่ สนับสนุน “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” ให้กลับมา “เกิดใหม่” เป็นนายกฯ รอบที่ 2

ลำดับถัดจากนี้ไป “สมคิด” จะอาศัยทุกคอนเน็กชั่น ประสานสิบทิศดูดมุ้งต่างๆ เข้ามาซบ “พรรคใหม่” ซึ่งมีชื่ออยู่ในบัญชีเรียบร้อยแล้ว อาทิ กลุ่มมัชฌิมาฯ ของ “สมศักดิ์ เทพสุทิน” กลุ่มบ้านริมน้ำ “สุชาติ ตันเจริญ “กลุ่มนิกันติ นครปฐม ของสี่พี่น้องแห่งตระกูล “สะสมทรัพย์”

แยกกันเดิน ร่วมกันตี มีแนวร่วมทั้งถาวร-ชั่วคราวคับคั่ง เช่น พรรคภูมิใจไทยที่มี “เสี่ยหนู – อนุทิน ชาญวีรกูล” เป็นหัวหน้าพรรค ชาติไทยพัฒนา ของตระกูล “ศิลปอาชา” ก็แอบไปทำตีนตุ๊กแกเอาไว้เป็นที่เรียบร้อยหมดแล้ว

รับประกันซ่อมฟรี ว่าพรรคใหม่ จะพะยี่ห้ออะไร ไม่มีคำว่า “เชียงกง-อะไหล่เสริม” ล้านเปอร์เซ็นต์

เพราะนอกจากกลุ่มบุคคลที่จะมาร่วมวงไพบูลย์ ล้วนซุปตาร์ขาประจำแล้ว “กลุ่มทุน” ที่จะมาลงขันดัน “บิ๊กตู่” คืนตึกไทยคู่ฟ้ารอบ 2 ก็ระดับซูเปอร์เสี่ย รวยอู้ฟู่ ที่รับปากไว้เป็นมั่นเป็นเหมาะก็ 8-9 ค่ายยักษ์ใหญ่เข้าไปแล้ว

ขาใหญ่คับคั่ง เหนือสิ่งอื่นใดคือ เงินถุง เงินถัง ซึ่งเคยมีผู้เขียนบรรยายสรรพคุณเอาไว้ว่า “อำนาจเงิน” มีพลังมหาศาล ตกใส่หิน หินลอย ตกใส่หอย หอยอ้า ตกใส่ขา ขาถ่าง …เสร็จทุกราย

 

เมื่อบุคลากรพร้อม-กระสุนเพียบ พรรคใหม่ที่ตั้งขึ้นมาเพื่อสนับสนุน “พล.อ.ประยุทธ์” ให้เป็นเชนคัมแบ๊ก “ธง” และ “เป้าหมาย” ต้องขยับขยายเพดานตามโดยอัตโนมัติ

จำนวน ส.ส. จุดคาดหมายเดิมปรับฐานจาก 20-30 เสียง เป็น 50-60 ที่นั่ง ยกระดับเป็น “พรรคที่ 3” อีกหนึ่งทางเลือกแข่งกับ “เพื่อไทย” และ “ประชาธิปัตย์”

“พล.อ.ประยุทธ์” ก็ต้องมีที่มาแบบเท่ๆ เดิมจะโหนมาตรา 272 ที่กำหนดว่า เมื่อมีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแล้ว หากมีกรณี “ไม่อาจแต่งตั้งนายกรัฐมนตรี” จากผู้ที่มีชื่ออยู่ในบัญชีรายชื่อตามที่พรรคการเมืองแจ้งไว้

ไม่ว่าด้วยเหตุใด และสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจำนวนไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรทั้งหมดเท่าที่มีอยู่เข้าชื่อเสนอต่อประธานรัฐสภา ขอให้รัฐสภามีมติยกเว้นเพื่อไม่ต้องเสนอชื่อนายกรัฐมนตรีจากผู้มีชื่ออยู่ในบัญชีรายชื่อที่พรรคการเมืองแจ้งไว้ 3 ชื่อ

“ในกรณีเช่นนั้นให้ประธานรัฐสภาจัดให้มีการประชุมร่วมกันของรัฐสภาโดยพลัน และในกรณีที่รัฐสภามีมติด้วยเสียงไม่น้อยกว่าสองในสามของสมาชิกจำนวนทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของทั้งสองสภาให้ยกเว้นได้ ว่าจะเสนอชื่อผู้อยู่ในบัญชีรายชื่อที่พรรคการเมืองแจ้งไว้หรือไม่ก็ได้”

หัสเดิม จะดัน “บิ๊กตู่” มาตามช่องทางแห่งมาตรานี้ ใช้สูตร “นายกฯ คนนอก” โดยอาศัยฐานพรรค ส.ว. 250 ที่นั่งเป็นฐานใหญ่

แต่มาดใหม่ “การเป็นนักรบ เท้าต้องแตะสนามรบ” จึงสง่างาม

“พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” จะมีที่มาในฐานะ “นายกฯ คนใน” มีชื่อเป็นหนึ่งในสามอยู่ในบัญชีรายชื่อที่พรรคการเมืองแจ้งไว้ตามมาตรา 88 จากบัญชีรายชื่อพรรคการเมือง ที่มีสมาชิกได้รับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเกินร้อยละห้าของจำนวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่ของสภาผู้แทนราษฎร

เข้าแก๊ป “นายกฯ คนใน” สมบูรณ์แบบ เนื่องจากพรรคใหม่ที่กำลังใช้พลังไฮเพาเวอร์ไล่ดูดทั่วสิบทิศ ต้องมีที่นั่งจากเขตเลือกตั้งบวกบัญชีรายชื่อเกิน 30 ที่นั่งแบเบอร์

ก๊อกสุดท้ายที่รัฐธรรมนูญกำหนดไว้ เมื่อทุกอย่างก้าวลื่นไหล คือการโหวตเพื่อดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี “ต้องกระทำโดยการลงคะแนนโดยเปิดเผย และมีคะแนนเสียงมากกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวนสมาชิกทั้งหมดเท่าที่มีอยู่”

หมากในการผลักดัน “บิ๊กตู่” คืนทำเนียบวางไว้เยี่ยงนี้ แต่ทางปฏิบัติ จะสำเร็จหรือไม่ โปรดติดตามกันต่อไป