รายงานพิเศษ/ปฏิบัติการ ‘ดูด-ดีล’ เสริมเกราะพรรคทหาร ตั้งรัฐบาล ‘บ้านนรสิงห์’ จับทาง ‘บิ๊กตู่-บิ๊กป้อม-บิ๊กแดง’ และควันหลงสงกรานต์ ‘บ้านป๋า-ป้อม’

รายงานพิเศษ

ปฏิบัติการ ‘ดูด-ดีล’

เสริมเกราะพรรคทหาร

ตั้งรัฐบาล ‘บ้านนรสิงห์’

จับทาง ‘บิ๊กตู่-บิ๊กป้อม-บิ๊กแดง’

และควันหลงสงกรานต์ ‘บ้านป๋า-ป้อม’

สงกรานต์ปีนี้ เป็นครั้งแรกที่ป๋าเปรม พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ วัย 98 ปี แสดงออกถึงสุขภาพร่างกายที่ถดถอยลง
หลังที่เคยตรงเป๊ะ แขน 2 ข้างที่มีนาฬิกาที่ข้อมือขวา แบบทหารม้า จะต้องกางออกนิดๆ อย่างองอาจ สไตล์ทหารม้า
แต่เพลานี้ ไม่ตรงเช่นที่เคย ยิ่งเมื่อต้องยืนฟังบิ๊กตู่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และหัวหน้า คสช. กล่าวอวยพรเชิงอภิปราย นานหลายนาทีด้วยแล้ว พล.อ.เปรม ก็ยิ่งร่างไม่ยืดตรง
พล.อ.ประยุทธ์ เองก็ยังเอ่ยปากแสดงความเห็นห่วงเรื่องสุขภาพของ พล.อ.เปรม และอยากให้แข็งแรง อยู่กับพวกเราไปนานเท่านาน และ “ขอให้ พล.อ.เปรม เข้มแข็ง”
แต่ก็อาจไม่ใช่แค่เพราะเหตุผลเรื่องสุขภาพร่างกายที่ไม่ค่อยแข็งแรง ที่ทำให้ พล.อ.เปรม ไม่ได้เดินทักทาย ครม. และ ผบ.เหล่าทัพ
หลังพิธีรดน้ำขอพรสงกรานต์ ก็ขอตัวกลับเข้าบ้านทันที

อาจไม่ใช่แค่เพราะไม่อยากจะนั่งนานๆ หรือให้รดน้ำจนมือเปื่อย ที่ทำให้ พล.อ.เปรม ให้เฉพาะ พล.อ.ประยุทธ์ และรองนายกรัฐมนตรี และปลัดกลาโหม ผบ.ทหารสูงสุด ผบ.เหล่าทัพ และ ผบ.ตร. เท่านั้น ที่ได้รดน้ำบนฝ่ามือ
แต่อาจเพราะมีสัญญาณบางอย่างทำให้ พล.อ.เปรม พยายามลดบทบาทของตนเองลง
ไม่เดินทักทายพูดคุยกับ ครม. ผบ.เหล่าทัพ ไม่ได้ให้บรรดานายทหารระดับห้าเสือเหล่าทัพเข้ารดน้ำทีละคน เพราะไม่อยากให้ถูกจับตามองว่าใกล้ชิดสนิทสนมกับใคร หรือเอ็นดูใครเป็นพิเศษ โดยเฉพาะบรรดาแคนดิเดต ผบ.เหล่าทัพคนต่อไป
หลังจากที่เมื่อปีใหม่ พล.อ.เปรม ถามหาบิ๊กลือ พล.ร.อ.ลือชัย รุดดิษฐ์ รอง ผบ.ทร. น้องชาย “บิ๊กลมโชย” พล.อ.กัมปนาท รุดดิษฐ์ องคมนตรี ที่เป็นเต็งหนึ่ง ผบ.ทร.คนใหม่ ที่ยิ่งทำให้ พล.ร.อ.ลือชัย ยิ่งมาแรง
แต่กระนั้น สงกรานต์ครั้งนี้ พล.อ.เปรม ก็ยังประพรมน้ำบนศีรษะให้ บิ๊กจอม พล.อ.อ.จอม รุ่งสว่าง ผบ.ทอ. เพียงคนเดียว ในบรรดา ผบ.เหล่าทัพทั้งหมดที่เข้ารดน้ำบนฝ่ามือ จนทำให้สงสัยกันว่า พล.อ.อ.จอม ใกล้ชิดกับ พล.อ.เปรม มาตั้งแต่สมัยไหน จนเจ้าตัวออกปากว่าเป็น “หลานป๋า” แต่ไม่ขอเปิดเผยว่ารู้จักสนิทสนมกับ พล.อ.เปรม มาก่อนหน้านี้อย่างไรหรือไม่
เพราะที่ผ่านมาจะรู้กันดีว่า ในหมู่ ผบ.เหล่าทัพ นั้นมี บิ๊กต๊อก พล.อ.ธารไชยยันต์ ศรีสุวรรณ ผบ.ทหารสูงสุด ที่สนิทสนมกับ พล.อ.เปรม เพราะเป็นทหารม้า จนถูกจับตามองว่าเป็นลูกม้าคนโปรดของป๋าเปรม
ส่วนบิ๊กเจี๊ยบ พล.อ.เฉลิมชัย สิทธิสาท ผบ.ทบ. นั้นก็ใกล้ชิดกับ พล.อ.เปรม เพราะเป็นน้องรักสายรบพิเศษของบิ๊กแอ้ด พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ องคมนตรีลูกป๋า
จนเชื่อกันว่า เหตุผลหนึ่งที่ พล.อ.เฉลิมชัย ฝ่าดงบูรพาพยัคฆ์ ได้เป็น ผบ.ทบ. ก็เพราะเป็นสายบ้านสี่เสาเทเวศร์ นอกเหนือจากเหตุผลเรื่องของ “สถานการณ์พิเศษ”

แม้แต่คำพูดของ พล.อ.เปรม ก็ยังลดความเข้มข้นลงไป หลังจากเมื่อครั้งที่ พล.อ.ประยุทธ์ นำ ครม. และ ผบ.เหล่าทัพ มาอวยพรปีใหม่นั้น ป๋าเปรมเคยเตือนเรื่อง “กองหนุน” แทบไม่เหลือ จนกลายเป็นประเด็นทางการเมือง
แม้แต่เสียงที่เคยกังวาน เปี่ยมบารมี กลับแหบแห้งลงในบางห้วง ตามประสาของคนในวัยนี้ อีก 2 ปีจะครบร้อย
พล.อ.เปรม ไม่ได้เอ่ยถึงคำว่า “กองหนุน” อีกเลย แต่ยืนยันว่า เป็น “เพื่อน” ของ พล.อ.ประยุทธ์ มาหลายสิบปี มาจนทุกวันนี้ ก็จะยังเป็นเพื่อน และเป็นเพื่อนกันตลอดไป
แต่กระนั้น พล.อ.เปรม ก็ดูเหมือนจะแก้ข่าว “กองหนุนหดหาย” ด้วยคำพูดที่ว่า “ภูมิใจมากที่มี พล.อ.ประยุทธ์ มาบริหารประเทศ โดยมีทุกคนร่วมสนับสนุน” และยก พล.อ.ประยุทธ์ เป็น “เสาหลัก” ในการบริหารประเทศ
พล.อ.เปรม ยังทิ้งปริศนาไว้ เมื่อมองหน้า พล.อ.ประยุทธ์ แล้วพูดว่า “สิ่งหนึ่งที่ผมคิดว่า ผมจะต้องเรียนกับนายกฯ ตรงๆ ก็คือ ขอให้ยึดมั่นในคำว่า เกิดมาต้องตอบแทนบุญคุณแผ่นดิน ถ้านายกฯ ทำได้ แผ่นดินก็จะสงบสุข”
ประหนึ่งว่า พล.อ.เปรม และ พล.อ.ประยุทธ์ เท่านั้นที่รู้ว่า หมายถึงเรื่องใด และหมายถึงอะไร
จนทำให้ พล.อ.ประยุทธ์ หันมาบอกกับ ครม. และ ผบ.เหล่าทัพ ว่า “เราได้สัญญากับป๋าท่านแล้ว พวกเราทุกคนทำเพื่อประเทศชาติ ตอบแทนบุญคุณแผ่นดิน ใครไม่ทำก็ช่างเขา แต่เราทำต้องทำให้ได้”
แต่ก็เป็นการส่งสัญญาณของการเป็น “เพื่อน” เป็น “กองหนุน” ของ พล.อ.ประยุทธ์ เช่นเดิมนั่นเอง ราวกับเพื่อต้องการสยบกระแสข่าวลือที่สะพัด ระหว่างขั้วบ้านสี่เสาฯ และสายบูรพาพยัคฆ์
เพื่อให้ พล.อ.ประยุทธ์ ไม่ต้องระวังหลัง หรือหวาดระแวงบ้านสี่เสาฯ และพวกเดียวกันเอง เพื่อที่จะเดินหน้าภารกิจต่อไป
เพราะต้องไม่ลืมว่า พล.อ.เปรม เปรยขึ้นมาในตอนหนึ่งว่า พล.อ.ประยุทธ์ จะต้องใช้เวลาอีกนานสักเท่าใด
นั่นอาจหมายถึงภารกิจในทางการเมืองที่ พล.อ.ประยุทธ์ จะต้องกรำศึกในฐานะนายกรัฐมนตรีคนนอก หลังการเลือกตั้ง

จึงไม่แปลกที่ พล.อ.ประยุทธ์ จะเดินหน้าเต็มที่ ทั้งการลงพื้นที่ต่างจังหวัด รวมถึงพื้นที่ในกรุงเทพฯ ที่ถูกมองว่าเป็นการหาเสียง
รวมทั้งการตั้งพรรคการเมืองรองรับ ทั้งพรรคพลังประชารัฐ และพรรคที่ นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯ และรัฐมนตรีในรัฐบาล คสช. บางคนกำลังจัดตั้ง เพื่อสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกรัฐมนตรี ที่ถูกจับตามองว่าเป็นการจัดตั้งพรรคการเมืองในทำเนียบ
จึงไม่แปลกที่เมื่อ พล.อ.ประยุทธ์ ตั้ง นายสนธยา คุณปลื้ม หัวหน้าพรรคพลังชล เป็นที่ปรึกษานายกฯ ด้านการเมือง การบริหารราชการแผ่นดิน และ นายอิทธิพล คุณปลื้ม น้องชาย มาเป็น ผช.รมว.การท่องเที่ยวฯ
“ผมจำเป็นต้องมีคนเหล่านี้เข้ามาบ้าง เพื่อมาทำความเข้าใจซึ่งกันและกัน วันนี้ กำลังเดินหน้าไปสู่ตรงนั้น ก็ต้องมีคนที่รู้เรื่องเหล่านี้มาให้คำปรึกษา เพราะผมไม่รู้ว่าการเมืองมันทำกันมาอย่างไร ผมจึงต้องรู้บ้าง” พล.อ.ประยุทธ์ให้เหตุผล
แต่ก็ไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะ พล.อ.ประยุทธ์ เคยประกาศว่า ตนเองเป็นนักการเมือง และแบะท่าที่จะลงสู่สนามการเมือง รับตำแหน่งในพรรคการเมือง และเตรียมตัวที่จะเป็นนายกรัฐมนตรี
“ผมไม่รังเกียจนักการเมือง” บิ๊กตู่ย้ำ
แม้ว่าก่อนหน้าการปรับ ครม. เมื่อปลายปี 2560 จะมีกระแสข่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ จะเอานักการเมืองมาร่วมรัฐบาล เพื่ออุ่นเครื่องการตั้งรัฐบาลแห่งชาติ หลังการเลือกตั้ง แต่ที่สุดก็มีแค่ นายวีระศักดิ์ โค้วสุรัตน์ มาเป็น รมว.การท่องเที่ยวฯ

ก้าวย่างในทางการเมืองของ พล.อ.ประยุทธ์ นี้สอดรับกระแสพรรคทหาร “ดูด” อดีต ส.ส. เข้าพรรค ไม่ว่าจะเป็นพรรคพลังประชารัฐ หรือพรรคของนายสมคิด ที่ในที่สุด ก็อาจจะเป็นพรรคพลังประชารัฐ ก็เป็นได้
แม้ว่านายสนธยา จะยืนยันว่า พรรคพลังชล ยังคงอยู่ ไม่ได้ถูกดูด และยุบรวมไปอยู่กับพรรคทหาร หรือพรรคพลังประชารัฐ
แต่ที่แน่ๆ พร้อมๆ กับการเข้ามาของ 2 พี่น้องตระกูลคุณปลื้ม สู่ทำเนียบบ้านนรสิงห์ ก็ทำให้ย้อนกลับไปมองตั้งแต่เมื่อครั้งที่นายสนธยาพาทีมมาต้อนรับพูดคุยกับ พล.อ.ประยุทธ์ ที่ลงพื้นที่ภาคตะวันออก และ ครม.สัญจร จันทบุรี-ตราด และอาจโยงกับการทำโครงการระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออกของบิ๊กตู่
รวมทั้งย้อนมองไปถึงสายสัมพันธ์ที่แนบแน่นของนายสนธยา และตระกูลคุณปลื้ม กับบิ๊กแดง พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผช.ผบ.ทบ. น้องรักบิ๊กตู่ ที่ถูกวางตัวให้เป็น ผบ.ทบ.คนต่อไป แถมมีอายุราชการถึงกันยายน 2563

เพราะรู้กันดีว่า พล.อ.อภิรัชต์ สนิทสนมซี้ปึ้กกับนายสนธยา มาตั้งแต่ยุคพ่อ เพราะกำนันเป๊าะ สมชาย คุณปลื้ม สนิทสนมกับบิ๊กจ๊อด พล.อ.สุนทร คงสมพงษ์ อดีตประธาน รสช. อย่างมาก และยังมีการพบปะพูดคุยกันเสมอมา
จนทำให้บทบาทของ พล.อ.อภิรัชต์ ในทางการเมือง ถูกจับตามอง โดยเฉพาะเมื่อเข้าไปร่วมวง พล.อ.ประยุทธ์ พบหากับนักการเมืองตระกูลสะสมทรัพย์ ก่อนหน้านี้
ในฐานะที่ พล.อ.ประยุทธ์ ให้ พล.อ.อภิรัชต์ จองสนามกอล์ฟนครปฐมของตระกูลนี้ให้
แต่ พล.อ.ประยุทธ์ และ พล.อ.อภิรัชต์ ยืนยันตรงกันว่า เป็นการพบปะโดยบังเอิญ ไม่ได้มีการหารือเรื่องการเมือง หรือมี “ดีล” ใดๆ ทั้งสิ้น
พล.อ.อภิรัชต์ ให้ลูกน้องจองสนามกอล์ฟให้ โดยไม่ได้บอกกับทางสนามกอล์ฟว่า พล.อ.ประยุทธ์ จะมาเล่นกอล์ฟ โดยที่ พล.อ.อภิรัชต์ ที่ไม่เล่นกอล์ฟ แต่มาดูแล พล.อ.ประยุทธ์ เท่านั้น
แต่ครั้งนี้ก็ถูกมองว่าเป็นความเคลื่อนไหวของ พล.อ.ประยุทธ์ และ คสช. ในทางการเมืองอย่างมีนัยสำคัญ จนมาถึงวันนี้ วันที่ดูดพรรคพลังชลมาร่วมทีมรัฐบาล และจะไม่ได้หยุดอยู่แค่นี้
เพราะไม่ได้มีแค่ พล.อ.ประยุทธ์ และเพื่อน ตท.12 และนายทหารสาย คสช. เดินเกมอยู่เท่านั้น แต่ชื่อของ บิ๊กป้อม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และ รมว.กลาโหม พี่ใหญ่ของ คสช. และบูรพาพยัคฆ์ ผู้เปี่ยมบารมีและคอนเน็กชั่น และเพื่อน ตท.6 หลายคน ก็ช่วยเดินเกมด้วยอีกทางหนึ่ง
จึงทำให้ คสช. กำลังถูกมองว่า กำลังปฏิบัติการ “ดูด” อดีต ส.ส. และ “ดีล” ทางการเมือง เพื่อนำไปสู่การจัดตั้งรัฐบาล
และอาจไม่เว้นแม้แต่พรรคเพื่อไทย และพรรคประชาธิปัตย์ ที่บางคนอาจแยกตัวออกมา เพราะ พล.อ.ประวิตร เองก็รู้จักสนิทสนมกับนักการเมืองในพรรคใหญ่ๆ หลายคน

ต้
องไม่ลืมว่า พล.อ.ประยุทธ์ มีวันนี้ และเกิด คสช. ขึ้นได้ ก็เพราะ พล.อ.ประวิตร
จึงไม่แปลกที่ พล.อ.ประยุทธ์ จะให้เกียรติ พล.อ.ประวิตร อย่างมาก ในฐานะพี่ใหญ่ ทั้งในเรื่องงานและส่วนตัว
ทุกวันเกิด 11 สิงหาคม พล.อ.ประยุทธ์ ก็จะไปอวยพรวันเกิดบิ๊กป้อมที่บ้าน ร.1 รอ. ช่วงปีใหม่ ก็จะไปร่วมงานเคาต์ดาวน์ที่บ้านมีนบุรี และไปรดน้ำสงกรานต์ที่บ้านลาดพร้าว 71 ต่อเนื่องมาเป็นเวลากว่า 30 ปี
แม้ว่าตอนนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จะมีอำนาจสูงสุดในฐานะนายกฯ และหัวหน้า คสช. แต่ก็ยังคงเป็น “น้องเล็ก” ของ พล.อ.ประวิตร พี่ใหญ่เสมอมา
โดยเฉพาะสงกรานต์บ้านลาดพร้าวของ พล.อ.ประวิตร สะท้อนบารมีที่ยังเปี่ยมล้น เพราะทั้ง พล.อ.ประยุทธ์ และบิ๊กป๊อก พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย พี่รอง ก็ยังนำ ผบ.เหล่าทัพ มารดน้ำอวยพรและขอพร
เพราะบรรดานายทหารระดับบิ๊กของแต่ละเหล่าทัพ ก็มาร่วมอวยพรบิ๊กป้อมด้วย โดยเฉพาะนายทหารสายทหารเสือราชินีที่เติบโตจาก ร.21 รอ. และบูรพาพยัคฆ์ที่โตจาก พล.ร.2 รอ. ตั้งแต่ระดับนายพล จนถึงผู้การกรม และผู้บังคับกองพัน มากันจนล้นบ้าน ล้นซอย

จึงไม่แปลกที่หากเปรียบ พล.อ.เปรม เป็น “ป๋า” ของบรรดาทหารม้า แต่ทว่าเปี่ยมบารมี จนถึงเป็นป๋าของผู้คนทั่วไป และเป็นปูชนียบุคคลของกองทัพแล้ว
ก็จะมีการเปรียบเทียบ พล.อ.ประวิตร เป็นเสมือน “ป๋า” ของบูรพาพยัคฆ์ และเป็นป๋าของตำรวจและพลเรือนที่เคารพนับถือ
บ้านสี่เสาเทเวศร์ เปิดทุกปีใหม่ สงกรานต์ และวันเกิด พล.อ.เปรม 26 สิงหาคมของทุกปี ที่ผู้นำประเทศจะต้องนำ ครม. ผบ.เหล่าทัพ ตบเท้าเข้าอวยพร
ขณะที่บ้าน ร.1 รอ. ของ พล.อ.ประวิตร นั้น เปิดรับแขกทุกวัน โดยเฉพาะมื้อกลางวัน ถึงขั้นที่จะต้องมีการทำบัตรประจำตัว ในการเข้ามาที่มูลนิธิป่ารอยต่อฯ ที่ ร.1 รอ. แห่งนี้ ใครมีบัตร ถือเป็น “วงใน” และเปิดอวยพรในทุกเทศกาล รวมถึงที่บ้านส่วนตัวที่ลาดพร้าว และมีนบุรี แบบคลาคล่ำทุกครั้ง
แต่กระนั้น พล.อ.ประวิตร ก็ระมัดระวังไม่ให้มีการเปรียบเทียบระหว่างตนเองกับ พล.อ.เปรม โดยเฉพาะไม่ให้เรียกว่า “ป๋าป้อม” เพราะไม่ต้องการจะวัดรอยเท้าป๋า
ด้วยเพราะในห้วงเกือบ 4 ปีที่ผ่านมา พล.อ.ประวิตร มักถูกจับตามองถึงความสัมพันธ์กับบ้านสี่เสาฯ เพราะมักจะไม่ได้มาร่วมคณะนายกฯ ในการอวยพรป๋าในหลายกรณี โดยเฉพาะช่วงสงกรานต์ที่ พล.อ.ประวิตร มักจะลาไปพักผ่อน ดูแลสุขภาพ รวมทั้งสงกรานต์ปีนี้ จนป๋าเปรมต้องถามหา “ป้อม” เสมอ เพราะหากไม่จำเป็น พล.อ.ประวิตร ก็จะไม่หายหน้า เพราะหวั่นจะถูกมองว่ามีความขัดแย้ง
แต่ทว่า ในแง่บารมีแล้ว คงจะไม่อาจห้ามไม่ให้มีการเปรียบเทียบได้ ระหว่างสงกรานต์บ้านสี่เสาฯ กับสงกรานต์บ้านบิ๊กป้อม
เพราะในยุคนี้ เรื่องอำนาจบารมี ก็ต้องยกให้พี่ใหญ่คนนี้ ยังคงเปี่ยมเป่ง
โปรดติดตาม หมากเกมของพี่ใหญ่ น้องเล็ก และ คสช. จากนี้ต่อไปอย่างใกล้ชิด